รพ.วิมุต เปิดศูนย์โรคหัวใจตอบโจทย์วัยทำงาน ตั้งเป้าดันยอดโตเพิ่มปลายปีนี้
นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต และอายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ กล่าวว่า สถานการณ์ในภาพรวมของโรงพยาบาลวิมุตครึ่งแรกของปี 2568 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 30% ส่วนที่สร้างรายได้มากที่สุดคือการผาตัดกว่า 30% แต่ช่วงครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลงจากปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจและบรรยากาศของสงคราม ซึ่งคาดว่าการเปิดศูนย์รักษาเฉพาะทางจะช่วยทำให้ทิทางเป็นบวกได้
โดยโรงพยาบาลวิมุตวางแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มเตียงจาก 80 เตียงเป็น 120 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกล่ม CLMV แม้ตอนนี้ตลาดกัมพูชาจะค่อนข้างมีปัญหาจากเรื่องการเมือง แต่เมียนมาและอื่นๆ ยังไปได้ดี รวมถึงตลาดจีนและบังคลาเทศด้วย ซึงเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีสัดส่วนปะมาณ 10% โดยจะยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีสัดส่วนอยู่มากถึง 90%
"ในปี 2568 นี้ วางแผนเปิด 3 ศูนย์ คือ ศูนย์รักษโรคปอด ที่ได้เปิดตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดคือการเปิดศูนย์โรคหัวใจ และในช่วงปลายปีจะเปิดตัวศูนย์กระดูกและข้อ ดึงคนไข้ในกลุ่มที่โรคยากและซับซ้อนมากขึ้น"
นอกจากนี้ ในปี 2569 วางแผนจะเปิดอีก 5-6 ศูนย์ คือ ศูนย์รักษาเต้านม ศูนย์สูตินรีเวช ศูนย์สมอง ศูนย์ทางเดินอาหาร ศัลยกรรมกับอายุรกรรมส่องกล้องและผ่าตัดลำไส้
สำหรับการเปิดศูนยรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด อยู่ภายใต้คอนเซปต์ 'Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ' ด้วยทีมอายุรแพทย์โรคหัวใจและสหสาขาวิชาชีพที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมเทคโนโลยีการแพทย์และห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากล เพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำ การรักษาที่รวดเร็ว พร้อมมอบการดูแลเชิงป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิด H.E.A.R.T ได้แก่
- H – Holistic Care
- E – Expertise
- A – Advanced Technology
- R – Reliability
- T – Tailored Treatment
นพ.นิพัฒน์ กุหลาบขาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลวิมุตมีฐานลูกค้าประมา 2-3 แสนราย และจะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายอีกประมาณ 2 แสนายร่วมกับพาร์ทเนอร์ หรืออย่างน้อยเพิ่มฐานผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้น 30% ภายในปีนี้ โดยตั้งเป้าการเติบโตขึ้นจากการเปิดศูนย์รักษาเฉพาะทางอย่างน้อย 30-50% ในแต่ละศูนย์ ซึ่ง่าสุดคือการเปิดตัวศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ภายใต้คอนเซปต์ "Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ" เจาะกลุ่มวัย 30-40 ปี
โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2022 ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคกลุ่มนี้ราว 19.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 32% ของการเสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก โดยกว่า 85% เกิดจากภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ ในปี 2021 พบว่า 38% ของผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร (อายุต่ำกว่า 70 ปี) จากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดแะนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของะประเทศไทยด้วย
สถานการณ์ในประเทศไทยก็ไม่แตกต่างกัน ข้อมูลจากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 พบว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดสะสมมากกว่า 2.5 แสนราย และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 4 หมื่นราย หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 5 คนแม้ในอดีตโรคหัวใจและภาวะหัวใจวายมักพบในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันแนวโน้มกลับเปลี่ยนไปอย่างน่ากังวล โดย American College of Cardiology ระบุว่า 1 ใน 5 ของผู้ป่วยหัวใจวายมีอายุต่ำกว่า 40 ปี และระหว่างปี 2000–2016 อัตราการเกิดหัวใจวายในคนอายุ 20–30 ปีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2%
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนว่าคนวัยทำงานตอนต้นกำลังเผชิญปัญหาหัวใจเร็วกว่าที่เคย กลุ่มวัยทำงานโดยเฉพาะ Gen Y มีอัตราการป่วยจากโรคนี้เพิ่มขึ้น จากทั้งความเครียด การทำงานหนัก และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพ การเปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือดจึงเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Care)