ทรัมป์ยื่นคำขาด เตรียมเก็บภาษีโหด 15%–50% ขู่ใครไม่ยอมเตรียมเจออัตราสูงสุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศกลางเวทีประชุม AI Summit ที่กรุงวอชิงตันว่า สหรัฐฯ เตรียมบังคับใช้ภาษีนำเข้ากับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ในอัตราระหว่าง 15% ถึง 50% โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป พร้อมย้ำว่า “ใครไม่ร่วมมือ ก็อาจต้องเจอกับอัตราสูงสุด”
มาตรการใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” (Reciprocal Tariff) ที่ทรัมป์ต้องการให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ เปิดตลาดให้สินค้าอเมริกันมากขึ้น หากใครไม่ปรับตัว ก็เตรียมถูกเก็บภาษีสูงกว่าปกติ และแม้จะมีช่องให้ต่อรอง แต่ทรัมป์เองก็แสดงจุดยืนชัดว่า ไม่ต้องการเจรจาแบบยืดเยื้อกับทุกประเทศ
ตัวอย่างล่าสุดคือ ญี่ปุ่น ที่สามารถเจรจาลดภาษีนำเข้าจาก 25% เหลือ 15% ได้สำเร็จ โดยแลกกับการเปิดตลาดบางส่วนให้สินค้าอเมริกัน และเสนอจัดตั้งกองทุนลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นต้นแบบที่ทีมงานของทรัมป์มองว่า อาจนำไปใช้กับยุโรปได้ หากยอมทำข้อตกลงที่คล้ายกัน
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป (EU) กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเร่งด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีชุดใหม่ โดยมีข่าวว่าอาจต้องยอมรับภาษี 15% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ หากไม่สามารถตกลงได้ทันเวลา ก็อาจถูกตอบโต้จากฝั่งยุโรปเองด้วยมาตรการภาษีสูงถึง 30% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 100,000 ล้านยูโร
ฝั่งจีนเองก็เตรียมเข้าร่วมโต๊ะเจรจาอีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ที่กรุงสต็อกโฮล์ม เพื่อหาทางประคองความสัมพันธ์ทางการค้าไม่ให้กลับไปสู่ภาวะตึงเครียดเหมือนในอดีต ท่ามกลางข้อถกเถียงทั้งเรื่องน้ำมันรัสเซีย ระบบความมั่นคง และการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์
อ้างอิง: Bloomberg