เอาชนะที่ยุทธศาสตร์
เสือตัวที่ 6
ระยะ 3 – 4 เดือนหลังมานี้ กลุ่มองค์กรอาชญากรรม BRN พยายามก่อเหตุร้ายทำลายความสงบสุขของคนในพื้นที่ เข่นฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์เป็นว่าเล่น โดยใช้วิธีการลอบกัดโจมตีด้วยการลอบวางระเบิดและการเข้าตีด้วยอาวุธแบบเข้าทำลายอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นและการถอนตัวออกเร็วที่ทางยุทธวิธีทหารเรียกกันว่าการตีโฉบฉวย โดยมีเป้าหมายกองกำลังหรือกลุ่มคนที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐเป็นสำคัญเพื่อเป็นการประกาศให้เห็นว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ภายใต้อิทธิพลขององค์กรอาชญากรรม BRN ซึ่งรัฐไทยไม่อาจมีอำนาจรัฐในพื้นที่แห่งนั้นได้ ในทางกลับกันองค์กรอาชญากรรม BRN เป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้อย่างเห็นได้ชัด ผู้คนในพื้นที่ต้องสยบยอมต่อ BRN โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐเองยังปกป้องตัวเองไม่ได้ นั่นเป็นการบ่งบอกว่าอำนาจรัฐเป็นของกลุ่มอาชญากรรม BRN อย่างสมบูรณ์ นั่นคือเอกราชรัฐปาตานีที่แม้จะยังไม่เป็นทางการ หากแต่ในทางปฏิบัติแล้ว BRN ได้มาซึ่งเอกราชในพื้นที่แห่งนี้แล้ว ด้วยปรากฏการณ์ของการต่อสู้ด้วยอาวุธของ BRN ที่กล้าแข็งขึ้น หาญกล้าที่จะโจมตีที่ตั้งและกองกำลังติดอาวุธของรัฐไทยได้ทุกรูปแบบอย่างเหลือเชื่อ โดยแสดงออกทางอาวุธที่พัฒนาขึ้นจากปืนเล็กยาว M16 สู่อาวุธประจำหน่วยที่มีอานุภาพการทำลายล้างมากขึ้นอย่าง M60 ทั้งยังมีการใช้อาวุธปืนซุ่มยิงที่มีประสิทธิภาพสูงในการสังหารเป้าหมายได้อย่างแม่นยำเพียงกระสุนนัดเดียวของคนซุ่มยิงหรือคนแม่นปืน Sniper ที่บ่งบอกถึงการฝึกคนแม่นปืนนี้มาอย่างโชคโชน และใช้ยุทธวิธีการซุ่มโจมตีและการตีโฉบฉวยแบบเข้าเร็วออกเร็ว มีระบบการวางแผนและปฏิบัติการเป็นทีมเยี่ยงมืออาชีพ เป็นการปฏิบัติของกองโจรในสงครามนอกแบบอย่างชัดเจน
กลุ่มองค์กรอาชญากรรมBRN นี้ กล้าแข็งขึ้นทุกวัน ศักยภาพในการทำลายล้างทางยุทธวิธีที่ทรงพลังมากขึ้นเป็นลำดับ อาทิ 20 มิถุนายน 2568 คนร้ายลอบวางระเบิดข้างฐานปฏิบัติการหมวดเฉพาะกิจตำรวจนราธิวาสที่ 9322 ในพื้นที่ ต.มะนังตายอ อ.เมืองนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด 3 นาย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บสาหัสขาขาด 1 นาย ขณะไปซ่อมแซมมอเตอร์ปั๊มน้ำที่ชำรุดซึ่งคาดว่าเป็นแผนของกองโจร BRN ที่ทำให้เครื่องปั้มน้ำไม่ทำงานและจะมีเจ้าหน้าที่ในฐานปฏิบัติการแห่งนี้ออกมาตรวจซ่อมโดยฝังกับระเบิดไว้ในจุดดังกล่าวไว้ และมีการก่อเหตุร้ายทำลายชีวิตเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายครั้งเป็นรายวัน ทั้งยังขยายพื้นที่ปฏิบัติการออกไปนอกเหนือจากการโจมตีด้วยอาวุธในพื้นที่ปลายด้ามขวานไปยังพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามันอย่างน่าตระหนกตกใจ แสดงถึงศักยภาพที่มากล้นของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด 27 มิ.ย.68 เจ้าหน้าที่ จว.กระบี่ ได้ตรวจสอบพบ วัตถุต้องสงสัย จุดที่ 6 (ย่านท่องเที่ยวอ่าวนาง) ห่างจากลานประติมากรรมปลาใบประมาณ 50 เมตร ม.2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จากการตรวจสอบเป็นวัตถุต้องสงสัยระเบิดแสวงเครื่องเป็นวัสดุคล้ายหิน(หินเทียม) ต่อมา 28 มิถุนายน 2568 เวลา 05.45 น. เกิดเหตุกองโจร BRN ได้โจมตีฐานปฏิบัติการ ชคต. เกียร์ จนกองโจร BRN ได้ล่าถอยไป และพบว่ากำลังพลได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย เป็น จนท.ทหาร 1 นาย และ จนท. อส 1 นาย ในขณะที่ฝ่ายกองโจร BRN กลับถอนตัวออกจากพื้นที่ไปได้โดยไม่มีการบาดเจ็บหรือสูญเสียแม้แต่คนเดียว นับเป็นการปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายของกองโจรในองค์กรอาชญากรรม BRN ที่สำเร็จภารกิจขั่วร้ายนี้ได้โดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการปฏิบัติการรบของกองโจร BRN ที่เกิดขึ้นและจบลงโดยสมบูรณ์เยี่ยงนี้ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
องค์กรอาชญากรรม BRN ปฏิบัติการทำลายล้างลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์รายวันอย่างมืออาชีพ BRN สั่งสมความเข้มแข็งทางยุทธวิธีมากขึ้นจนขยายศักยภาพในการทำลายล้างไปนอกพื้นที่สู้รบปาตานีเดิมสู่พื้นที่ท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามันในห้วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ที่สรุปได้คือ กลุ่มก่อความไม่สงบได้ลักลอบขนระเบิดด้วยรถยนต์ 1 คัน (ถูกจับกุมที่ จว.พังงา) และ จยย.3 คัน ประกอบระเบิดไปตั้งไว้ที่ สนามบินภูเก็ต และมัสยิด จว.กระบี่ และ อ.สิเกา และ อ.เมืองตรัง นอกจากนั้นยังมีการวางระเบิดในพื้นที่ จว.ภูเก็ต 5 จุด คือ ป่าตอง 2 จุด แหลมพรหมเทพ 1 จุด หาดสุรินทร์ 1 จุด สนามบินภูเก็ต 1 จุด (จยย.) รวมทั้งมีการวางระเบิด ที่ จว.กระบี่ จำนวน 5 จุด จากการพิสูจน์ทราบมีความชัดเจนว่าทั้งหมดเป็นการกระทำของกลุ่มคนในองค์กรอาชญากรรม BRN โดยถูกเจ้าหน้าที่รัฐควบคุมตัวได้แล้ว 5 คนเหลืออีก 1 กำลังหลบหนี เหล่านั้น บ่งบอกถึงศักยภาพอันทรงพลังในการปฏิบัติการระดับยุทธวิธีที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ยาวนานทั้งกล้าแข็งมากขึ้น และเป็นที่แน่ชัดว่าขีดความสามารถในการทำลายล้างที่กว้างขวางมากขึ้นนั้นมีพลังส่งมาจากการเดินเกมการเมืองระดับชาติในสภา
พลังการทำลายล้างในพื้นที่ระดับยุทธวิธี ขององค์กรอาชญากรรม BRN ที่มากขึ้น จึงสามารถขยายเกมก่อการร้าย ที่เดินคู่ขนานกับเกมเพื่อเอาชนะการเมืองระดับชาติอย่างเข้มข้น และเป็นที่แน่ชัดว่าศักยภาพการต่อสู้ของ BRN นั้น ส่วนหนึ่งมาจากผลงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) คณะต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งใช้เทคนิคการจัดประชุมแบบมีวาระซ่อนเร้น โดยแนวร่วม BRN ได้เข้ามาปฏิบัติการระดับสภา ตามแผนการทำงานทางการเมืองระดับชาติ/ประเทศ ในรูปแบบของ กมธ. อนุ กมธ. ที่ปรึกษา นักวิชาการ ซึ่งเป็นพวกเดียวกันแทบทั้งห้อง ไม่ใช่การประชุมสองฝ่าย (กมธ.พรรครัฐบาล ฝ่ายค้าน) ไม่ใช่ที่ปรึกษา นักวิชาการที่มีคุณวุฒิโดยตรง และเป็นกลาง พลพรรคนี้เริ่มตั้งแต่การหาเสียง ที่หาเสียงชูนโยบายว่า หากเลือกพรรคเขา เขาจะสนับสนุนการแยกออกเป็นเขตปกครองตนเอง ซึ่งแฝงไปถึงการแยกตัวเป็นรัฐอิสระ พลพรรคนี้ ใช้ กมธ. กัดเซาะบ่อนทำลายความมั่นคงใน จชต. มาตลอด ตั้งแต่การจัดทำผลงานวิจัยปลอมที่บิดเบือนข้อเท็จจริง มีอคติในการแปลความเป็นข้อค้นพบจากการวิจัยจำหน่ายไปทั้งโลก การเสนอยุบ กอ.รมน. เพื่อไม่ให้มี กอ.รมน.ภาค 4 สน. การมุ่งตัดทอนงบประมาณ จชต. ในส่วนงบกำลังพลเพื่อให้มีกำลังพลน้อยจนเกิดพื้นที่ว่างจนเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้ การเสนอให้ยกเลิกด่านตรวจจุดตรวจเพื่อให้ BRN เคลื่อนไหวโดยอิสระ รวมทั้งการใช้โอกาสเข้าถึงข้อมูลสำคัญเพื่อสื่อไปถึง ฝ่าย BRN ในพื้นที่ เหล่านี้บ่งบอกชัดเจนว่าการต่อสู้ด้วยอาวุธในพื้นที่ (ระดับยุทธวิธี) ที่กล้าแข็งกว้างขวางมากขึ้นทุกวันนี้ มีพลังที่ส่งมาจากพลพรรคระดับชาติ (ระดับยุทธศาสตร์) อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น การอาชนะ BRN ให้ได้อย่างถอนรากถอนโคน จึงต้องเอาชนะที่ระดับยุทธศาสตร์เป็นสำคัญ