ไทยพาทูตพิสูจน์ กัมพูชาโจมตีพลเรือน ดับ 8 เจ็บ 15 เตรียมชี้แจงทูตทั่วโลก 4 ส.ค.นี้
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้จรวด BM-21 โจมตีพื้นที่เป้าหมายพลเรือนในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตถึง 8 ราย บาดเจ็บ 15 ราย หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือแม่กับลูกวัยเพียง 8 ขวบ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังสะเทือนความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ
ล่าสุด นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงพื้นที่พร้อมคณะทูตานุทูตต่างประเทศ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร และสื่อมวลชนต่างประเทศ เพื่อให้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ โดยเริ่มต้นที่ร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน จุดที่ถูกโจมตีอย่างหนักเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และสถานที่อีกหลายแห่งตามแนวชายแดน ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยอาวุธสงคราม บางแห่งต้องปิดหรือย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ทั้งที่โรงพยาบาลควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยตามหลักมนุษยธรรม
นายรัศม์ ระบุว่า การกระทำของกัมพูชาครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งห้ามการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยเด็ดขาด และเชื่อว่าการที่คณะทูตและสื่อต่างชาติได้เห็นด้วยตาตัวเอง จะทำให้ข้อมูลที่ถูกต้องถูกส่งต่อไปยังประชาคมโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
กระทรวงการต่างประเทศยังมีแผนจะเชิญคณะทูตและสื่อมวลชนต่างประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทยเข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ เพื่อย้ำข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจร่วมกันในเวทีระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมจัดการประชุมกับเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และผู้แทนไทยในต่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางการสื่อสารและชี้แจงข้อเท็จจริงในระดับนานาชาติอย่างรอบด้านอีกทางหนึ่ง