‘ไฮโซลูกนัท’ จากสลิ่มกลับใจ สู่คดีครอบครองอาวุธ-ยาเสพติด!
จากชื่อที่เคยจุดไฟกลางเวทีสามนิ้ว กลายเป็นชื่อในหมายจับของตำรวจ ลูกหลานตระกูลดังผู้ท้าทายระบบเดิม กำลังเผชิญกับความจริงอีกด้านของตัวเอง มรดกพันล้านที่ปฏิเสธไม่ช่วยอะไร เมื่อกฎหมายไม่รับฟังอุดมการณ์ นี่ไม่ใช่แค่คดีอาญา แต่มันคือบทสะท้อนของความย้อนแย้งที่สังคมเคยยกย่อง
ใครบางคนเคยถูกมองว่าเป็นภาพแทนของความกล้า กล้าที่จะหักกับครอบครัว กล้าที่จะตัดขาดมรดกพันล้าน กล้าที่จะยืนอยู่ข้างฝั่งตรงข้ามกับอำนาจเดิม แม้เคยเติบโตในอ้อมกอดของมันมาตลอดชีวิต
หลังปี 2553 โลกทัศน์ที่เคยนิ่งเริ่มสั่นคลอน คำถามเกี่ยวกับความยุติธรรม ความรุนแรง และเสียงของคนตัวเล็กในสังคม ก่อตัวขึ้นท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ตึงเครียดและรุนแรง
ไม่กี่ปีถัดมา บนเวทีปราศรัยกลางกรุงเทพฯ ชายหนุ่มผู้มีนามสกุลติด กลุ่มทุนใหญ่ ตะโกนก้องว่า “ผมคือสลิ่มกลับใจ” เสียงนั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนในทั้งสองฟากฝั่ง
ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือที่สื่อมวลชนรู้จักในชื่อ “ไฮโซลูกนัท” เป็นทายาทครอบครัวนักธุรกิจหมื่นล้าน เติบโตในตระกูลที่มีชื่อเสียงในวงการอสังหาริมทรัพย์ มีเครือญาติอยู่ในภาครัฐและสื่อ
ชื่อของธุรกิจที่เกี่ยวพันกับครอบครัว ไม่ใช่แค่ชื่อในตลาดอสังหาฯ หากยังเป็น ฉากหลังของชีวิตที่เคยโอบล้อมด้วยความมั่นคงและสถานะ
คำว่า “ไฮโซลูกนัท” จึงไม่ใช่เพียงขนานนามแต่กลายเป็น สัญลักษณ์ของคนที่เลือกเดินออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง
การประกาศตัดขาดจากครอบครัว พร้อม คำปฏิเสธมรดกทุกบาททุกสตางค์ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เช่นเดียวกับการแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะข้อเรียกร้องให้ ยกเลิก ม.112 ที่กลายเป็นเส้นแบ่งในสังคม
อดีตสมาชิกกลุ่ม นิวเดม และผู้สมัคร สส. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ยุติบทบาททางการเมือง หลังพรรคมีมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นหันมาใช้ โซเชียลมีเดีย เป็นเวทีเปิดหน้า โพสต์ แสดงจุดยืนทางการเมืองแบบไม่ปิดบัง
ความกล้าหาญนั้นมาพร้อมกับภาระที่ไม่ง่ายจะรับมือ ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ ใช้ชีวิตอยู่ระหว่างแสงสว่างกับเงามืด สะท้อนผ่านอินสตาแกรมที่เต็มไปด้วย ภาพขี่ม้า ยิงปืน ท่องเที่ยว กินอาหารหรู และไวน์ราคาแพง สลับกับคำประกาศการเข้าบำบัด จาก อาการ PTSD, ADHD และ ปัญหาด้านอารมณ์ที่ยากควบคุม
ล่าสุด 7 สิงหาคม 2568 ชื่อของ ธนัตถ์ กลับมาอยู่บนหน้าสื่ออีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้อยู่ในบทบาทนักกิจกรรมหรือนักคิด หากแต่อยู่ในฐานะ ผู้ต้องหาในคดีอาญาร้ายแรง
เมื่อ ตำรวจ กก.ดส. บช.น. ร่วมกับหน่วยอรินทราช เข้าตรวจค้นบ้านพักใน โครงการโนเบิล คิวบ์ ย่านพัฒนาการ ตามหมายค้นศาลอาญาพระโขนง
ของกลางที่พบประกอบด้วย อาวุธปืนหลากชนิดกว่า 20 กระบอก ทั้ง ปืนสั้น ปืนลูกซอง ปืนเล็กยาว ปืนกลมือ พร้อม แมกกาซีน กระสุนจำนวนมาก และ โคเคนหนึ่งซองในถุงแดง รวมถึง อุปกรณ์เสพยาไอซ์ 2 ชุด
บ้านอีกหลังในโครงการเดียวกันยังพบColt 1911, SIG P226, Colt Python .357, ลูกซองแฝด BERETTA 692 และกล้องเล็งติดปืนยาว
ผู้ต้องหาอยู่ในบ้านในสภาพมึนเมา คล้ายผู้เสพยา แต่ยังสามารถพูดคุยและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
ต้นตอของการเข้าตรวจค้นมาจากคำให้การของหญิงสาวรายหนึ่ง น.ส.บี (นามสมมุติ) เธอให้การว่า ถูกเชิญไปดื่มในบ้านหลังดังกล่าว ก่อนถูกข่มขู่และบังคับให้เสพยา รวมถึงถูก ทำร้ายร่างกายด้วยด้ามปืนตบศีรษะ
เมื่อผู้ก่อเหตุหลับไปเพราะฤทธิ์ยา หญิงสาว ถ่ายภาพหลักฐานในที่เกิดเหตุ และ หลบหนีออกมาแจ้งความ ที่ กก.ดส.
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน แจ้ง 2 ข้อหา ได้แก่ 1. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ข้อมูลจาก ชาวบ้านในละแวกเดียวกัน ให้การว่าเคยได้ยินเสียงทะเลาะวิวาท และเคยเห็น หญิงสาวร้องไห้ออกจากบ้านหลังนี้หลายครั้ง
ตำรวจจึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายรายอื่น ที่อาจเคยถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน เข้าร้องทุกข์เพิ่มเติมที่ กก.ดส. หรือสน.คลองตัน
แม้คดีจะยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ชื่อ “ลูกนัท” ถูกวิพากษ์ในโซเชียลไปแล้วหลายมุม บางคนบอกว่า “ท้าทายอำนาจรัฐ แต่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้” บางคนมองว่าเหตุการณ์นี้สะท้อน บาดแผลทางใจที่ลึกและซับซ้อน
ชายหนุ่มผู้เคยยืนในแนวหน้าขบวนการเคลื่อนไหว วันนี้กลับยืนอยู่ในตำแหน่งใหม่ ที่ไม่มีที่ให้ถอย ไม่มีเสียงปราศรัย ไม่มีไมค์ ไม่มีเวที มีเพียงกฎหมาย ที่รอพิพากษาอยู่เบื้องหน้า!