โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

4 สินค้าเสี่ยง อันตรายผู้บริโภค ปมเจรจาภาษีทรัมป์ เปิดเสรีนำเข้า

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

หากไทยปิดดีล “ภาษีทรัมป์” ได้ต่ำกว่า 36 % แลกกับการปลดล็อกเปิดเสรีหรือภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 0 % หลายพันรายการ รวมถึง ไทยพิจารณาอัตราภาษีศุลกากร MFN ซึ่งปี 2566 อัตราภาษีสำหรับสินค้าเกษตรอยู่ที่ 27.0% ค่อนข้างสูง ทำให้สหรัฐต้องการลดภาษีส่วนนี้ลง

เมื่อจะมีการเปิดเสรีนำเข้าสินค้ามาสู่ผู้บริโภคไทยมากขึ้น เรื่องนี้จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้าและการส่งออกอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องมองถึง “มุมผลกระทบต่อผู้บริโภค” ที่จะเกิดขึ้นด้วย ทว่า ในการประชุมหารือของรัฐบาล กลับไม่เปิดโอกาสให้ภาคส่วนผู้บริโภคเข้าร่วมทั้งที่ปัจจุบันมีสภาองค์กรของผู้บริโภค

น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล อนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่าคนไทยยังไม่ทราบว่าทีมเจรจาได้ยื่นข้อเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 0 % ในสินค้าหลายพันรายการนั้นเป็นชนิดใด แต่หากย้อนดูการเจรจาสมัยแรกการเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 8 ปีก่อน สิ่งที่พยายามกดดันไทยอย่างมาก ก็อาจจะมีสินค้าเสี่ยงในการนำเข้า คือ

1.เปิด “ตลาดหมูทุกส่วน” ซึ่งการเลี้ยงหมูในสหรัฐมีการใช้สารเร่งเนื้อแดง เนื่องจากคนอเมริกันไม่ได้กินส่วนอื่นๆ เช่น เครื่องใน หนัง คากิ มันหมู แต่ประเทศไทยกินส่วนเหล่านี้

อาจนำเข้าหมูมีสารก่อมะเร็ง

สภาองค์กรของผู้บริโภค, FTA Watch เสนอให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ใช้ข้อมูลงานวิจัยของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)เกี่ยวกับ สารเร่งเนื้อแดงที่เป็นสารก่อมะเร็งตกค้างในอวัยวะส่วนอื่นของหมูที่ไม่ใช่เนื้อแดง

โดยเฉพาะส่วนของเครื่องใน และถ้ากินเท่าที่ปริมาณคนไทยกิน จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงมากหากเทียบกับการกินเฉพาะเนื้อแดงอย่างเดียว ประกอบการเจรจาด้วย

ขณะที่ช่วงเวลานั้น ไต้หวันถูกแรงกดดันทางการเมือง ได้เปิดให้มีการนำเข้าหมูจากสหรัฐ โดยใช้วิธีการติดฉลากแสดงว่านำเข้าจากสหรัฐ เพื่อให้คนไต้หวันรู้และไม่ซื้อ แต่ปรากฎว่ามีการ “การปลอมฉลาก” ทั้งที่เป็นประเทศที่มีระบบคุ้มครองผู้บริโภคดีมาก มีการจับและโทษสูงมาก

อย่างไรก็ตาม ภาคผลิตอาหารสุนัขและแมวมีความต้องการเครื่องในหมูมาเป็นส่วนผสม แต่ประเทศไทยไม่สามารถที่จะป้องกันอยู่เฉพาะในส่วนของธุรกิจนี้ สุดท้ายจะกระจายมาสู่ผู้บริโภคก็จะเกิดความเสี่ยง

นอกจากนี้ การนำเข้าเนื้อหมู และเครื่องในหมู จะกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูและเกษตรที่เกี่ยวเนื่อง เกษตรกรรายย่อยจะหมดบ้านหมดเมืองแน่นอน ก็จะกระทบถึงชาวนาที่มีการขายรำข้าวให้ผู้เลี้ยงหมู ทั้งราคาข้าวและผลผลิตเกี่ยวเนื่องตกต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดวิกฤตโรคในหมูและหมูเถื่อน ทำให้เกษตรรายย่อยล้มหายตายจากไปจำนวนมากแล้ว ปัจจุบันเกินกว่า 50 % ตลาดตกอยู่ในการยึดครองของรายใหญ่

“หมูในอเมริกาทำได้ถูกกว่าไทย เพราะกินเฉพาะเนื้อแดง ขณะที่ส่วนอื่นๆของหมู เรียกได้ว่าทิ้งเป็นขยะ จึงมีราคาถูกมาก เมื่อเป็นขยะก็เท่ากับคุ้มที่จะส่งมาประเทศไทย ไม่ต้องเสียค่าบริหารจัดการ และปัจจุบันในสหรัฐ ออสเตรเลียและสหภาพยุโรปไม่อนุญาตให้นำมาทำเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์”น.ส.กรรณิการ์กล่าว

สะเทือนเกษตรกรไทย

2.พืช สัตว์ GMO ซึ่งประเทศไทยอนุญาตให้นำเข้าพืช สัตว์ GMO มาเป็นอาหารสัตว์เท่านั้น ในกรณีถั่วเหลือง ส่วนในอาหารทุกชนิดตั้งแต่ต้นปี 2568 มีกฎหมายเรื่องต้องแสดงฉลาก หากมี GMO เกิน 3 % ขณะที่สหรัฐแทบทุกอย่างเป็น GMO จึงต้องการที่จะส่งเข้ามาและไทยอาจถูกบังคับห้ามไม่ให้แสดงฉลาก GMO ด้วย เพื่อไม่ให้คนเลือกได้ว่าจะไม่ซื้อ

3.ข้าวโพด ข้าวสาลี ที่ผ่านมามีระบบดูแลเกษตรไทย โดยหากต้องการซื้อข้าวสาลีจากต่างประเทศ จะต้องซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรไทยในอัตรา 1 ต่อ 2 จึงอาจมีการถือจังหวะนี้ซื้อจากสหรัฐอย่างเดียว

และ4.ขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยรอบปีที่ผ่านมามีการตรวจจับการลักลอบเข้ามาจากสหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ซี่งในการทำลายจะอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก และที่ผ่านมา กรมศุลกากรและกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แจ้งสถานทูตสหรัฐอเมริกาหลายครั้งแล้ว จึงกังวลว่าไทยจะอนุญาตให้นำเข้าได้ เพราะสหรัฐอาจจะมีปัญหาเรื่องสถานที่ทิ้งขยะนี้

“ดูเหมือนรัฐมีเงินราว 50,000 ล้านบาทมาเยียวยา แต่ในความเป็นจริงไม่พอแน่นอน เพราะเรื่องนี้เกษตรกรที่เกี่ยวข้องถึงขั้นหมดอาชีพเลย ไม่ใช่แค่การเยียวยา เรื่องนี้จึงไม่ควรหารือแค่ภาครัฐ และเอกชน แต่ควรนำผู้บริโภคเข้าร่วมด้วย เพราะจะกระทบทั้งสุขภาพและคนเล็กคนน้อย”น.ส.กรรณิการ์กล่าว

หากรัฐจะช่วยเหลือต้องเป็นกลุ่ม SMEs เพราะหากดูจากข้อมูลคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎรและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำไว้ จะมีบริษัทไทยที่ส่งออกไปสหรัฐมี SMEs ราว 4,990 บริษัท มีการจ้างงานราว 5 แสนคน โดยรัฐจะให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(Soft Loan) อย่างเดียวไม่พอ

แก้ทริปส์พลัส กระทบระบบสุขภาพ

ยิ่งกว่านี้ ยังมีความเป็นห่วงว่าสหรัฐจะใช้โอกาสนี้ในการเจรจา เพื่อขจัดข้อห้ามอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องภาษีด้วย อย่างการขจัดข้อห้ามเรื่องนำเข้าบุหรี่ /บุหรี่ไฟฟ้า อาจรวมถึง “ทริปส์ พลัส (TRIPs Plus)” เหมือนที่มีการพยายามกดดันทุกครั้งที่มีการเจรจาการค้าหรือไม่ น.ส.กรรณิการ์ มองว่า หากพ่วงเรื่องนี้ด้วย จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะต่อระบบสุขภาพประชาชน ระบบหลักประกันสุขภาพและนวัตกรรมของประเทศไทย สร้างความเสียหายเป็นราว 2 แสนล้านและเสียหายระยะยาว

เนื่องจากต้องการให้ประเทศไทยมีการแก้ไขพ.ร.บ.สิทธิบัตร ให้ขยายเวลาสิทธิบัตรออกไปอีกอย่างน้อย 5 ปี เสียหายราว 40,000 ล้านบาท

  • การขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)แม้เป็นยาที่หมดสิทธิบัตรแล้วก็ห้ามเจ้าอื่นมาขึ้นทะเบียนยา เสียหายราว 60,000 ล้านบาท
  • กรณีที่มีข้อค้นพบใหม่แค่เรื่องการใช้ เช่น ยาผู้ใหญ่ เป็นยาเด็ก ก็ต้องให้สิทธิบัตรอีก 20 ปี
  • กรณีเครื่องมือแพทย์เสมือนใหม่ก็จะบังคับให้ไทยต้องรับ
  • และห้ามไม่ให้ประเทศไทยมีการเจรจาต่อรองราคายา ก็จะกระทบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เสียหายราว 1 แสนล้านบาท เป็นต้น

ส่วนเรื่อง "อนุสัญญาการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV 1991” หากมีการแก้ไขก็จะสร้างความเสียหายราว 1.6 แสนล้านบาท ทำให้เมล็ดพันธุ์ราคาแพง เพราะเกษตรกรพึ่งตัวเองเรื่องเมล็ดพันธุ์ได้น้อยลง ปรากฎเรื่องนี้แล้วกับเกษตรเวียดนาม ซึ่งประเทศไทยมีเกษตรกร 20 ล้านคน แม้มีความจำเป็นต้องเจรจาเชิงธุรกิจ แต่ควรยึดแนวทางเหมือนประเทศอินเดียและญี่ปุ่น ที่ไม่เจรจาเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร

“ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ควรมีการนำเข้าหารือในรัฐสภา ซึ่งสามารถดำเนินการให้ทันเงื่อนเวลา 1 ส.ค.2568 เพราะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร มีคณะอนุกรรมาธิการ Trade War มีการทำข้อมูลไว้พร้อม”น.ส.กรรณิการ์กล่าว

เพิ่มข้อเสนอในการเจรจา

สิ่งที่สภาองค์กรของผู้บริโภคมองเห็นถึงมาตรการอื่น 2 เรื่องที่รัฐบาลควรดำเนินการและนำไปเสนอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เห็นถึงความจริงจังของประเทศไทย คือ 1.แนวทางการจัดการเรื่องสินค้าผ่านลำ หรือสินค้าสวมสิทธิ์ที่เข้มข้น จริงจัง เป็นรูปธรรม ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมีการดำเนินการเรื่องนี้น้อย

ทั้งที่ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 27 % ใกล้เคียงเวียดนามอยู่ที่ 28 %และกรณีภาษีตอบโต้ของสหรัฐ จะเห็นได้ชัดเจนว่ามุ่งเป้าประเทศที่ผูกพันกับประเทศจีนสูง โดยเฉพาะเรื่องของห่วงโซ่อุปทาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี หากต้องการภาษีที่ต่ำกว่า 36 %

และ2.ประกาศเปิดเสรีโทรคมนาคม ธนาคาร พลังงาน โดยเฉพาะโทรคมนาคม ซึ่งกฎหมายไทย กำหนดให้คนที่จะเข้ามาทำกิจการคลื่นโทรคมนาคมต้องถือสัญชาติไทย ขณะที่สหภาพยุโรป สหรัฐต้องการให้เปิดเสรี เพราะไม่ต้องการทำธุรกิจแบบนอมินี

ที่สำคัญ เมื่อเปิดเสรีนี้แล้ว จะไม่ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบเหมือนตอนนี้ที่มีเพียง 2 ราย ทำให้เน็ตช้าและแพง และประเทศในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ก็มีการเปิดเสรีเรื่องนี้แล้ว ส่วนที่กังวลเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล ก็ต้องมีมาตรการและเงื่อนไขในการบังคับ

“ไทยไม่ได้อยู่ในภาวะจำยอม แต่ต้องมีการเจรจาที่ดีกว่านี้ มีหลายเรื่องที่สามารถเสนอในการเจรจาได้ ไม่เฉพาะเรื่องการลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ แต่ต้องอาศัย Political Will สูงมากๆ เมื่อไทยอยู่ตรงกลางเขาควายระหว่างสหรัฐและจีน “น.ส.กรรณิการ์กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'มทภ.2' เผย ทหาร เหยียบกับระเบิด ชายแดนไทย-กัมพูชา เจ็บ 3 นาย

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘โต๊ะ พันธมิตร’ คืนสังเวียนพากย์ ‘เฉินหลง’ ใน Karate Kid: Legends

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Karate Kid: Legends การกลับมาของตำนานหนังกังฟูยุค 80 และ 'เฉินหลง'

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จับตาโมเดลใบอนุญาตขั้นตอนเดียว เร่งไทยสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

Wind-Down Routine เทคนิคหลอกร่างกายให้ง่วง แก้ปัญหานอนยาก นอนไม่หลับ

TNN ช่อง16

โรคพิษสุนัขบ้า (1 ม.ค.-2 ก.ค. 68) พบผู้ป่วย 7 ราย เสียชีวิตทั้ง 7 ราย

Amarin TV

นิทรรศการสัญจร 'FAKE OR FRESH?' สู้ภัยบุหรี่ไฟฟ้า ปลูกภูมิคุ้มกันเด็ก

กรุงเทพธุรกิจ

คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ผนึก GSK ดันโมเดลรักษา “หืด-ปอดอุดกั้น”

ฐานเศรษฐกิจ

ธุรกิจความงามโตสวนเศรษฐกิจ TRP ทุ่ม 630 ล้าน เปิด “รพ.ธีรพร” ศัลยกรรมเฉพาะ

ฐานเศรษฐกิจ

น่าห่วง! 'เด็กไทย 41%' ถูกบูลลี่ออนไลน์ สูงกว่าชาติอื่น

กรุงเทพธุรกิจ

สปสช. เปิดเวทีฟังความเห็น ร่างประกาศฯบริหาร บัตรทอง ปี 69

ฐานเศรษฐกิจ

'จิตแพทย์' แนะชาวโซเซียลเบามือเมนต์ 'สีกากอล์ฟ' หวั่นกระทบจิตใจลูก

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...