SCM สัญญาณอันตราย.!
ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณอันตรายของหุ้นขายตรง บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCMก็ว่าได้ เมื่อ “สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทร่วมกับเพื่อนซี้อย่าง “นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร” ประกาศลาออกจากตำแหน่งรองประธานกรรมการ มีผลวันที่ 23 ก.ค. 2568 โดยอ้าง “ติดภารกิจอื่น ๆ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานให้กับบริษัทได้อย่างเต็มที่”…ซึ่งฟังไม่ขึ้นนะจิบอกให้..!?
มีอย่างที่ไหนที่จู่ ๆ เจ้าของก็ Exit จากบริษัทที่ตัวเองปลุกปั้นมากับมือ…จะบอกว่าเปิดทางให้มืออาชีพเข้ามาบริหาร…ในเคสนี้ไม่น่าจะใช่ เท่าที่ดู “สิทธวีร์” น่าจะยังไม่ถึงวัยเกษียณนะ ส่วนจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังยังไง..?? ไม่รู้ ไม่รู้
แต่ที่รู้การลาออกของ “สิทธวีร์” มันผิดวิสัยสามัญชน…
ที่จริงเริ่มเห็นเค้าลางอันตรายจากหุ้น SCMก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าจำกันได้ช่วงปลายปี 2567 เกิดปรากฏการณ์หุ้น SCMดิ่ง 4 ฟลอร์ซ้อนมาแล้ว…จากหุ้น 3 บาทเศษ กลายเป็นหุ้นเศษสตางค์จวบจนถึงทุกวันนี้…
แล้วไม่ต้องสืบให้มากความ เป็นผลพวงมาจากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกบังคับขาย หรือฟอร์ซเซล โดย “สิทธวีร์”มีการทำธุรกรรม 2 รายการ เริ่มจากวันที่ 26 ธ.ค. 2567 โอนหุ้นให้ผู้ให้กู้จำนวน 38.56 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.4673% ถัดมาในวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ขายหุ้น 136.70 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.9249% ส่งผลให้เหลือถือหุ้น 34.92 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.8565% จากเดิมถือหุ้น 210.19 ล้านหุ้น คิดเป็น 35.2488%
ในห้วงเวลาเดียวกัน (27 ธ.ค. 2567) “นพกฤษฏิ์” ได้ขายหุ้นไป 52.68 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.8357% ส่งผลให้เหลือถือหุ้น 85.67 ล้านหุ้น คิดเป็น 14.3685% จากเดิมถือหุ้น 138.36 ล้านหุ้น คิดเป็น 23.2042%
ไม่หมดแค่นี้ ยังมีผู้ถือหุ้นใหญ่อีกรายนั่นคือ “อธิโรจน์ เลิศฤทธิ์อธิกิจ”ได้ขายหุ้นไป 34.92 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.8564% ส่งผลให้เหลือถือหุ้น 629,900 หุ้น คิดเป็น 0.1056% จากเดิมถือหุ้น 35.55 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.9620%
SCMนอกจากจะเผชิญวิบากกรรมจากผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกฟอร์ซเซลจนราคาหุ้นดิ่งนรกแล้ว ในแง่ตัวธุรกิจก็ไม่สู้ดี ต้องเผชิญกับภาวะตลาดซบเซา จากกำลังซื้อที่หดหาย ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว แล้วไหนจะมาเจอกรณี “ดิไอคอนกรุ๊ป” ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของธุรกิจขายตรงอีก
จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นผลประกอบการของ SCMเริ่มถดถอย จากก่อนหน้านี้เคยมีกำไรหลักร้อยล้านบาท ปิดงบงวดปี 2567 มีกำไรสุทธิเหลือแค่ 473,000 บาท ส่วนรายได้ที่เคยทำได้ทะลุพันล้านบาท ในปี 2567 ลดลงมาเหลือ 688.34 ล้านบาท
ขณะที่งบไตรมาสแรกปีนี้ พลิกมาขาดทุน 40.49 ล้านบาท จากรายได้รวม 108.33 ล้านบาท
เรียกว่าหุ้นถูกฟอร์ซเซลไม่พอ…ผลประกอบการยังตกต่ำ แล้วล่าสุดหัวเรือหลักมาลาออกจากบอร์ดอีก…
นี่มันเป็นสัญญาณอันตรายชัด ๆ…หรือใครจะเถียง
ส่วนคนที่มาแทน “สิทธวีร์” เป็น “อภิชาติ สระมูล”ซึ่งถ้าดูแบ็กกราวด์เคยนั่ง CEO ของ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ทำธุรกิจที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมมาก่อน…คนละแนวกับบริษัทขายตรงเลยนะเนี่ย
เห็นแล้วน่ากังวลแทนผู้ถือหุ้น SCM จริง ๆ…
เพราะต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นขายหุ้นออกไปจนเหลือถือน้อย จะทำให้หมดไฟ…ไม่มีแรงบันดาลใจที่จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอีกต่อไป และสุดท้ายมักมีจุดจบที่การขายหุ้นทิ้งล้างพอร์ต…เห็นมานักต่อนักแล้ว..!!
แล้วถ้าจำกันได้เมื่อหลายปีก่อน มีบริษัทที่นำหน้าด้วยตัว B เจ้าของก็ขายหุ้นออกเหลือหุ้นน้อยลง โดยอ้างให้กับกองทุน…หลังจากนั้นมาหุ้น B ก็เละเทะ ผลประกอบการตกต่ำ…จากที่เคยเป็นหนึ่งในหุ้นพิมพ์นิยม ตอนนี้กลายเป็นหุ้นตายซากไปแล้ว
เกรงว่าสุดท้ายแล้ว SCMจะมีจุดจบเยี่ยงนั้นนะสิ…
อ้อ…อีกช็อตที่น่าจับตา ต้องดูว่า “สิทธวีร์” และคู่ซี้อย่าง “นพกฤษฏิ์” จะขายหุ้นออกมาอีกหรือเปล่า..??
ถ้าขายอีก…ก็ชัดเจนว่ามันจบแล้วครับนาย..!?
…อิ อิ อิ…