โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ก็ไม่ได้เชื่อใจ แต่เลือกอะไรได้บ้าง? ทำยังไงเมื่อจำเป็นต้องพยายามเชื่อใจคนที่เราเกลียด

The MATTER

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Lifestyle

ในวันที่เก้าอี้หัวหน้าว่างเปล่า โปรเจ็กต์หลายชิ้นก็ดำเนินการต่อไปไม่ได้ ในสถานการณ์สุญญากาศเช่นนี้ ถ้าจะมีใครสักคนก้าวเข้ามาเป็นหัวเรือสานโปรเจ็กต์ต่อให้สำเร็จก็คงจะดี หากแต่คนที่ยกมือเสนอตัวดันเป็นคนที่เราเกลียดเข้ากระดูกดำ แถมคนอื่นในทีมยังมีความเห็นคล้อยตามกับเจ้าตัว พร้อมยกมือโหวตให้เป็นหัวหน้าทีมอีก

ท่ามกลางสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซึ่งทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันขนาดนี้ เราก็คงไม่อยากเป็นคนเดียวที่มีปัญหา จึงต้องจำใจยกมือโหวตตามๆ กันไป หรือมันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อใจใครสักคนที่เราเกลียด เพราะหลายสิ่งก็ต้องดำเนินต่อไป เราผู้มองประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักก็คงไม่อยากให้โปรเจกต์ของทีมมีปัญหาจากเราฝ่ายเดียวหรอก

ทำไมการเชื่อใจคนที่เราเกลียดนักเกลียดหนาถึงเป็นเรื่องแสนยากเสมอ แล้วถ้าวันหนึ่งเรามีเหตุจำเป็นต้องเชื่อใจอีกฝ่าย เราจะเปิดใจได้ยังไงบ้าง?

ทำไมการเชื่อใจคนที่เกลียดถึงเป็นเรื่องยาก

ถ้าถามว่าเกลียดขนาดไหน ก็คงต้องตอบว่าเกลียดระดับที่ ไม่อยากคุยด้วย ไม่อยากข้องเกี่ยว และไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับอีกฝ่าย หากเลือกได้ก็ขอต่างคนต่างอยู่ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อหน้าที่การงานหรือสถานการณ์บางอย่างบีบบังคับให้เราต้องเข้าหาหรือไว้เนื้อเชื่อใจกัน มันก็ย่อมได้อยู่หรอก เพราะเราก็คงไม่อยากเป็นคนคนนั้น ผู้ทำให้งานติดขัดหรอก แต่การจะเชื่อใจใครสักคน แล้วยิ่งเป็นคนที่เราเกลียดด้วยแล้ว ก็อาจจะยากขึ้นกว่าเดิมไม่มากก็น้อย

ยิ่งเรามองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูขนาดนี้ เราก็คงไม่อยากมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนที่เราเกลียดหรอก เพราะมนุษย์เรามีสิ่งที่เรียกว่า ‘Negativity Bias’ หรืออคติเชิงลบ ซึ่งเป็นแนวโน้มทางจิตวิทยาของบุคคลที่มักจะให้ความสำคัญกับข้อมูลและประสบการณ์เชิงลบมากกว่าเชิงบวก ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเรื่องดีมา แต่ถ้าเรามองอีกฝ่ายในทางลบไปแล้ว ภาพจำด้านลบก็จะเกาะติดเรา และบดบังเรื่องดีของอีกฝ่ายไปโดยปริยาย

ลองนึกภาพตอนที่ใครสักคน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำร้ายความรู้สึกเรา แล้วเราก็ดันผูกใจเจ็บกับประสบการณ์ตรงนั้นมาอย่างยาวนาน แม้อีกฝ่ายจะปฏิบัติตัวต่อเราดีขึ้น เราก็มีโอกาสที่จะมองไม่ให้ความดีเหล่านั้น และยังคงมองอีกฝ่ายในเชิงลบต่อไป

นอกจากนี้ Negativity Bias ยังสามารถอธิบายถึงสถานการณ์ที่เราได้รับการปฏิบัติหรือผลตอบรับโดยรวมไปทางบวกมากกว่าทางลบ แต่เราก็มักจะจดจ่อและให้ความสำคัญกับผลตอบรับเชิงลบมากกว่า เช่น เวลาเจ้านายชื่นชมการทำงาน พร้อมด้วยวิจารณ์บางผลงานของเรา เราก็จะโฟกัสและไม่พอใจคำวิจารณ์นั้นมากกว่าจะมองว่าอีกฝ่ายชมเรามากกว่า

พอมาถึงตรงนี้ หลายคนก็อาจสงสัยว่า สุดท้ายเราจะสามารถมองข้ามอคติเชิงลบ แล้วไปโฟกัสไปที่คุณงามความดีของอีกฝ่ายเลยไม่ได้หรอ?

แม้การหลับหูหลับตาและปล่อยวางอคติไปเลยจะดูสร้างผลดีมากกว่า แต่มันอาจเป็นเรื่องยากกว่าที่เราคิด เคนดรา เชอร์รี่ (Kendra Cherry) ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูจิตสังคม อธิบายว่า อคติเชิงลบมีอิทธิพลต่อแรงจูงใจในการกระทำสิ่งต่างๆ ของมนุษย์มากกว่าเชิงบวก ทำให้เรามักจดจำคำพูดแรงๆ ของใครสักคนได้แม่นยำกว่าคำชม หรือใส่ใจกับความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวมากกว่าความสำเร็จนับสิบครั้งที่ผ่านมาของอีกฝ่าย

คงเหมือนกับคำพูดที่เราคุ้นหูกันมานาน ว่าบางคนอาจเคยทำดีมาเป็นร้อยครั้งพันครั้ง แต่เมื่อทำพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว ผู้คนก็อาจให้คุณค่ากับข้อผิดพลาดของเรามากกว่า จนลืมว่าเราเคยทำดีอะไรมาบ้าง

ดังนั้นแล้ว หากจะต้องเอาใจไปเชื่อใครสักคน การมอบให้กับพันธมิตรที่เคยมอบประสบการณ์เชิงบวกให้ ก็อาจง่ายกว่าการต้องลงใจร่วมมือกับใครสักคนที่เราเกลียด

แล้วถ้าต้องเชื่อใจ เราจะเชื่อใจได้ยังไงดี

ทั้งนี้ทั้งนั้น ในบางสถานการณ์ มันก็ต้องมีบ้างที่เราต้องฝืนตัวเองทำบางสิ่งที่ไม่คิดอยากจะทำ การต้องเชื่อใจหรือจับมือกับใครสักคนที่เราไม่ชอบหน้าก็เช่นกัน เพราะเมื่อสถานการณ์บีบบังคับ เราก็อาจจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อใจอีกฝ่าย

แอนเดรีย โบนัวร์ (Andrea Bonior) นักจิตวิทยาคลินิกจาก Psychology Today และดีพ ปาเทล (Deep Patel) โค้ชด้านธุรกิจ เจ้าของหนังสือ A Paperboy's Fable: The 11 Principles of Success ได้แนะนำวิธีการเชื่อใจคนที่เราเกลียด แม้ในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ทุกคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ลองไปประยุกต์ใช้กัน ดังนี้

โฟกัสที่เป้าหมายของการร่วมมือกันครั้งนี้: เมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องเชื่อใจและจับมือกับคนที่เกลียด ก็ให้เล่นไปตามน้ำ ยกผลลัพธ์ที่ได้จากการเชื่อใจมาเป็นตัวตั้ง เผื่อให้เรามองไกลไปกว่าการไว้เนื้อเชื่อใจครั้งนี้ เช่น งานสำเร็จตามเป้า ปัญหาถูกแก้ไข หรืองานดำเนินต่อไปได้ มองว่าการเชื่อใจไม่ใช่ทุกสิ่ง: ให้เราตระหนักเอาไว้เสมอ ว่าการเชื่อใจไม่ใช่ทุกสิ่งเสมอไป แม้เราเชื่อใจอีกฝ่ายในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่า เราจะยอมรับพฤติกรรมหรือการปฏิบัติตัวในทางลบที่ผ่านมาของเขาได้ แยกบทบาทหน้าที่ของเขาออกจากเรื่องส่วนตัว แล้วให้ความสำคัญแค่สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบก็พอ กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน: กำหนดขอบเขตความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ว่าเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายแค่เรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ต้องลงลึกในเรื่องส่วนตัวโดยเด็ดขาด การสร้างขอบเขตนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ความรู้สึกส่วนตัวมาส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเรา สร้างความเชื่อใจจากสิ่งที่จับต้องได้: ในวันที่อคติด้านลบบดบังจนรู้สึกว่าการเชื่อใจในครั้งนี้ยากกว่าที่คิด ก็อาจต้องเลือกเชื่อใจในสิ่งที่จับต้องได้มากกว่าดู อาทิ อีกฝ่ายทำงานออกมาได้ดี มีความรับผิดชอบสูง บรรลุเป้าหมายต่างๆ ตามที่วางไว้ได้ ซึ่งการมองด้วยเลนส์เหล่านี้ก็อาจช่วยให้เราสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวของอีกฝ่ายได้มากก็น้อย ใช้เวลาค่อยๆ เปิดใจ แล้วเราจะเชื่อใจได้เอง: เราไม่จำเป็นต้องเชื่อใจอีกฝ่ายโดยทันที แต่ใช้วิธีค่อยๆ เปิดใจแทน เพราะความเชื่อใจไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสร้างได้ชั่วข้ามคืน โดยเราอาจลองสร้างมันขึ้นมาจากพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของอีกฝ่าย ความไว้ใจก็จะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาเอง และแม้ว่าเราจะยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิม แต่ก็จะสามารถเชื่อใจอีกฝ่ายในระดับที่จำเป็นได้มากขึ้น

แม้การจะเชื่อใจคนที่เราเกลียดดูจะเป็นเรื่องยาก แต่บางครั้งที่สถานการณ์บีบบังคับให้ทำ แล้วเราเองก็ไม่มีทางเลือก ก็อาจจำเป็นต้องเล่นไปตามน้ำ มอบความเชื่อใจให้อีกฝ่าย ถึงในใจลึกๆ จะไม่ได้มอบให้จริงๆ ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม หากสิ่งที่อีกฝ่ายเคยปฏิบัติต่อเรา จนกระทบต่อความรู้สึกเราอย่างมากๆ มาก่อน เราก็อาจไม่จำเป็นต้องเชื่อใจ แล้วเลือกยืนหยัดในจุดยืนและความคิดของตัวเองก็ได้เช่นเดียวกัน ขอแค่ทุกสิ่งที่ทำเกิดขึ้นจากความพึงพอใจของเราก็พอ

อ้างอิงจาก

ebsco.com

forbes.com

psychologytoday.com

verywellmind.com

Graphic Designer: Phitsacha Thanawanichnam
Editorial Staff: Paranee Srikham

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The MATTER

พรรคประชาชน ‘ยังไร้ข้อสรุป’ พรุ่งนี้ให้กรรมการบริหารพรรคเป็นคนตัดสิน พร้อมย้ำว่า ถ้าเพื่อไทยจะยุบสภา ก็ทำได้เลย

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชวนจับตาคดี ‘ฮั้วเลือก ส.ว. - ที่ดินเขากระโดง ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิใจไทย

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

วิธีดูแลหัวใจให้แข็งแรง ทั้งพฤติกรรมและอาหารที่เลือกกิน

THE POINT

กรมการท่องเที่ยว เปิดตัวภารกิจ “Thailand Green Tourism Plan 2030”

Campus Star

5 เครื่องดื่มช่วยล้างพิษตับแบบธรรมชาติ น้ำเปล่าไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

sanook.com

นิวซีแลนด์แชมป์ Work Life Balance ดีที่สุด 3 ปีซ้อน ส่วนไทยอันดับ 41

กรุงเทพธุรกิจ

ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล ฤกษ์ดีมีชัย เดือนกันยายน 2568 โดย อาจารย์มนัสกวิญ ชางประยูร

กรุงเทพธุรกิจ

การล่าวาฬในอดีต วันนี้ และวันหน้าของญี่ปุ่น

conomi

จากพื้นที่ปลอดภัยสู่พื้นที่ ‘เสี่ยง’ เมื่อ Tea App พื้นที่แชร์ประสบการณ์ ‘Red Flags’ ถูกแฮกข้อมูลส่วนตัว

The Momentum

GEMINI FOURTH A.W.A.K.E CONCERT เปลี่ยนฮอลล์ให้กลายเป็นโลก AI จากคู่หูซูเปอร์เอนเตอร์เทนเนอร์

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘One and Three Chairs’ ตัวไหนคือเก้าอี้ในนิยาม? สำรวจการตีความใต้ผลงานของโจเซฟ โคซุต

The MATTER

แฟนใหม่ของฉัน คือแฟนเก่าเพื่อนสนิท รักษามิตรภาพยังไง เมื่อรักใหม่เคยเป็นแฟนเก่าเพื่อน

The MATTER

บ๊ายบายเพื่อนสนิทของฉัน รับมืออย่างไรในวันที่ต้องโบกมือลาเพื่อนสนิทในที่ทำงาน

The MATTER
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...