จับตาเศรษฐกิจกลุ่ม CLMV ความเสี่ยงที่แตกต่าง บนแรงกดดันภาษีทรัมป์
คอลัมน์ : นอกรอบ
ทิศทางเศรษฐกิจ CLMV มีแนวโน้มชะลอตัวลง ท่ามกลางความเสี่ยงหลายด้านและแรงกดดันจากการชะลอตัวของการค้าโลก
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา-ลาว-เมียนมา และเวียดนาม) จะชะลอตัวเหลือ 5.1% ในปี 2025 จาก 6.3% ในปี 2024 เนื่องจากอัตราภาษีของสหรัฐ ที่สูงขึ้นจากนโยบาย Trump 2.0 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชาที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก
นอกจากนี้ การไหลเข้าของสินค้าราคาถูกจากจีนยังทำให้การผลิตในประเทศและความสามารถในการแข่งขันลดลง รวมถึงผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
SCB EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโตที่ 3.9% (ลดลงจาก 6.0% ในปี 2024), สปป.ลาว 3.6% (จาก 4.3%) และเวียดนาม 6.3% (จาก 7.1%) ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัวที่ -0.5% (จากปีก่อนขยายตัว 2.3%)
เวียดนาม-กัมพูชาส่งออกสหรัฐสูง
เศรษฐกิจกลุ่ม CLMV จะเผชิญความเสี่ยงจากภายนอกตามการพึ่งพาการส่งออก รวมถึงความท้าทายเฉพาะของแต่ละประเทศ เช่น เวียดนามและกัมพูชา มีความเสี่ยงด้านการค้าโลกจากการพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐสูง
ขณะที่เมียนมา กัมพูชา และ สปป.ลาว เผชิญความเสี่ยงภายในเช่น ความไม่มั่นคงทางการเมืองและเหตุแผ่นดินไหว ความขัดแย้งบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา เสถียรภาพด้านต่างประเทศที่เปราะบางใน สปป.ลาว ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้
รวมถึงบางประเทศมีความเปราะบางด้านเศรษฐกิจมหภาคและการเงิน เช่น การใช้เงินดอลลาร์สหรัฐบางส่วนในระบบเศรษฐกิจจึงอาจได้รับผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ
แม้จะเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านี้ แต่ปัจจัยสนับสนุนในช่วงครึ่งปีแรกอาจช่วยพยุงเศรษฐกิจบางส่วนได้ โดยเฉพาะการเร่งส่งออกล่วงหน้า ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจอาเซียนจะยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวและการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV ได้ในระดับหนึ่ง
ปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศ
เศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค CLMV โดยได้รับแรงหนุนจากบทบาทศูนย์กลางการผลิตที่น่าดึงดูดปัจจัยการย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศที่เข้มแข็งขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐ ที่เจรจาจบได้ก่อนและมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV และสิทธิประโยชน์จูงใจเม็ดเงินลงทุน เช่น จำนวนข้อตกลงการค้าเสรี (FTAs) และนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงรุก
เศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะชะลอตัวลงจากผลกระทบของอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐ ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูง และการพึ่งพาตลาดสหรัฐเป็นหลัก รวมถึงแรงกดดันเพิ่มเติมจากการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนราคาถูก
รวมถึงความตึงเครียดบริเวณชายแดนกับไทยที่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ จะก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม การส่งออกและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งในช่วงต้นปี 2025 ยังช่วยพยุงเศรษฐกิจในภาพรวมของทั้งปีไว้ได้บ้าง ขณะที่เสถียรภาพทางการคลังยังเอื้อให้ภาครัฐสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้หากจำเป็น
สปป.ลาว อาจจะเผชิญกับความเสี่ยงทางตรงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐไม่มากนัก แต่เศรษฐกิจภายในยังคงมีข้อจำกัดจากปัญหาหนี้ต่างประเทศสะสมสูงและภาคการเงินที่ยังเปราะบางจากปัญหาหนี้เสีย แม้สถานการณ์เงินเฟ้อสูงและปัญหาเงินกีบที่อ่อนค่าเร็วจะปรับดีขึ้นบ้าง รวมถึงความสามารถในการรองรับแรงกระแทกจากภายนอกที่ทยอยเพิ่มขึ้นสะท้อนจากสัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเทียบมูลค่านำเข้าต่อเดือน แต่ปัญหาความเปราะบางเชิงโครงสร้างเหล่านี้ยังคงเป็นแรงกดดันเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เศรษฐกิจของเมียนมาคาดว่าจะหดตัวในปีนี้ เนื่องจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ความขัดแย้งภายในที่ยังคงดำเนินอยู่ และเหตุแผ่นดินไหวล่าสุด ยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจและบั่นทอนการบริโภคและการลงทุน ภายใต้ข้อจำกัดด้านนโยบายการเงินและพื้นที่ทางการคลัง รวมถึงสัดส่วนหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระดับสูง โอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจึงมีค่อนข้างจำกัด
ความเสี่ยงการเมืองระหว่าง ปท. SCB EIC คาดว่าแนวโน้มการค้าระหว่างไทยกับประเทศ CLMV จะชะลอลง จากอุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนในระบบการค้าโลก ความตึงเครียดบริเวณชายแดนกัมพูชากับไทย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านลบมากขึ้น แม้มูลค่าเม็ดเงินลงทุนทางตรงไหลออกจากไทย ไปยังภูมิภาค CLMV กลับมาสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 แล้ว และกระจายไปในหลายสาขาธุรกิจ เช่น สาขาการเงิน การประกันภัย และการผลิตอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและความระมัดระวังของนักลงทุนในบรรยากาศโลกเช่นนี้ อาจทำให้แนวโน้มการลงทุนจากไทยชะลอตัวลง
ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงหลายด้าน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว แต่หากการปิดด่านชายแดนยังคงยืดเยื้ออาจกดดันการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยวอาจชะลอตัว จากความไม่มั่นคงหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จับตาเศรษฐกิจกลุ่ม CLMV ความเสี่ยงที่แตกต่าง บนแรงกดดันภาษีทรัมป์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net