กรมควบคุมโรค จับตา 'ไข้หวัดนก' ในกัมพูชา หลังพบกระจาย 9 จังหวัด
พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ไข้หวัดนกทั่วโลกว่า โรคไข้หวัดนก ในคนและสัตว์ ยังพบรายงานเป็นระยะทั่วโลก ซึ่งตั้งแต่มีการรายงานการพบโรคเมื่อปี 2546 มีผู้ป่วยสะสมกว่า 900 ราย เสียชีวิต 473 ราย อัตราป่วยเสียชีวิต 48% หลังปี 2559 ไม่พบผู้ติดเชื้อ ก่อนจะเริ่มพบอีกครั้งปี 2566 ความเสี่ยงการระบาด และมีโอกาสเข้าสู่คน คือสายพันธุ์ H5N1 ส่วนความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดในไทยอยู่ในระดับต่ำ
แต่เนื่องจากขณะนี้พบรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนกต่อเนื่องในประเทศอื่น รวมถึงเพื่อนบ้านของประเทศไทย จึงต้องมีระบบบการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยความร่วมมือกันระหว่างกรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตามแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว
สำหรับสถานการณ์ไข้หวัดนกในกัมพูชาที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2566-2568 มีผู้ป่วยสะสม 26 ราย เสียชีวิต 11 ราย เฉพาะในปี 2568 พบผู้ป่วยแล้ว 13 ราย รายล่าสุด พบเมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 เสียชีวิตพบ 6 ราย อัตราการป่วยเสียชีวิต 46.15% ทั้งหมดมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก โดยเป็นเชื้อที่ระบาดเป็นสายพันธุ์ที่ก่อความรุนแรง คือ สายพันธุ์ย่อย Clade 2.3.2.1e โดยจังหวัดที่มีการรายงานพบผู้ป่วยเป็นสีเข้ม คือ เสียมราฐ พบรายงานป่วย 4 ราย ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้ไทย นอกนั้นเป็นพื้นที่ใกล้เวียดนาม จึงเป็นเหตุที่ต้องเฝ้าระวังตรงนี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ปีก สุกร หรือโคนมป่วยตายผิดปกติ หากมีการสัมผัสควรสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือให้สะอาด รับประทานอาหารปรุงสุก เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก สุกร โคนม หากพบสัตว์ป่วยตายจำนวนมาก ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ไม่ควรนำไปประกอบอาหาร ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของไข้หวัดนก ขอให้ตรวจสอบข้อมูลหากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ภายใน 1 สัปดาห์ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทาง
เมื่อถามถึงกรณีชายแดนสถานการณ์ไทย - กัมพูชา และชาวกัมพูชาที่อพยพออกจากพื้นที่นั้นมีการหอบสัตว์ปีกไปด้วยจำนวนมาก มีการประเมินเรื่องการระบาดของไข้หวัดนกอย่างไรหรือไม่ พญ.จุไร กล่าวว่า การสู้รบที่เกิดขึ้น ทางแรงงานกัมพูชาในไทยได้เดินทางกลับประเทศกัมพูชา ขณะเดียวกันก็ไม่มีการเดินทางจากกัมพูชามาประเทศไทย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการนำโรคเข้าสู่ประเทศไทยได้ ส่วนการแพร่ระบาดในกัมพูชาเองอาจจะมีความเป็นไปได้
ทั้งนี้ จากพื้นที่การระบาดในกัมพูชา ตามรายงานแผนที่ก็จะเห็นว่า พื้นที่เสียมราฐมีการระบาดของไข้หวัดนกอยู่ ที่เหลือก็เป็นพื้นที่ใกล้กับเวียดนาม ดังนั้น หากกัมพูชามีการเคลื่อนย้ายสัตว์ในประเทศของเขาก็อาจจะทำให้มีการระบาดไปยังพื้นที่อื่นๆได้
ส่วนการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์จนเกิดการติดต่อจากคนสู่คนนั้น พญ.จุไร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง การที่จะแพร่จากสัตว์สู่คน มาเป็นคนสู่คน เชื้อต้องมีการปรับตัว หากสมมติว่า คนกัมพูชากลับไปแล้วป่วยไข้หวัดใหญ่แล้วในพื้นที่ก็มีไข้หวัดนกด้วย ก็อาจจะมีการผสมพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่จากคนสู่คนได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องมีการรายงานเข้าระบบตามกฎอนามัยระหว่างประเทศอยู่แล้ว เพื่อเตือนทั่วโลก ส่วนไทยก็จะมีการยกระดับมาตรการที่เข้มข้นขึ้น
“สิ่งที่เราต้องเฝ้าระวังคือคนของเรา ว่าถ้าเกิดมีการเปิดการค้ากันใหม่แล้ว หากคนกัมพูชาเข้ามาก็ต้องเฝ้าระวัง เพราะไม่รู้ว่า สายพันธุ์ที่กัมพูชาจะปรับเปลี่ยนไปสู่คนสู่คนได้เมื่อไหร่ เพราะสายพันธุ์ก่อโรคนั้นปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ” พญ.จุไร กล่าว
พญ.จุไร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีการซักซ้อมแผนการรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่คิดว่าจะปรับมาจากไข้หวัดนก โดยเชิญหน่วยงานตามจังหวัดชายแดนเข้ามาร่วม เป็นการซ้อมระดับเริ่มต้นว่าจะต้องปฏิบัติ รายงานอย่างไร จากนั้น ทางจังหวัดจะมีการซักซ้อมกันอีก ซึ่งจังหวัดตามชายแดนค่อนข้างตื่นตัว รับทราบปัญหาอยู่แล้ว จึงคิดว่าไม่น่ากังวลเพราะพื้นที่เขาดี มีการตื่นตัว ซักซ้อมแผน