โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

“ต่อมลูกหมากโต” โรคฮิตผู้ชายวัยเกษียณ อาการพร้อมวิธีรักษา

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายแพทย์อรรถวัฒน์ อังสุพันธุ์โกศล ศัลยแพทย์โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเวชธานีอินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า โรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) คือภาวะที่ต่อมลูกหมากของเพศชายมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ โดยต่อมลูกหมากนี้จะอยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ และล้อมรอบท่อปัสสาวะ

เมื่อมีการขยายใหญ่ขึ้น ก็จะไปกดทับท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดปัญหาในการขับถ่ายปัสสาวะตามมา โรคนี้ไม่ใช่มะเร็ง และไม่พัฒนาเป็นมะเร็ง แต่ก็สามารถสร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วยได้ไม่น้อย

โรคต่อมลูกหมากโตยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุของการเกิดโรคได้อย่างชัดเจน แต่ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคได้แก่ อายุที่มากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชาย โดยทั่วไป ผู้ชายที่มีอายุเกิน 50 ปี จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และเมื่อเข้าสู่วัย 60 ปีขึ้นไป โอกาสเกิดโรคนี้สูงถึงกว่า 50%

ขณะที่ในช่วงอายุ 70 ปีขึ้นไป พบผู้ชายที่มีภาวะต่อมลูกหมากโตมากถึง 80% จากข้อมูลสถิติทั่วโลก สะท้อนให้เห็นว่าโรคนี้เป็นปัญหาสำคัญในกลุ่มประชากรชายสูงวัยที่ไม่ควรมองข้าม

ขณะที่อาการของโรคต่อมลูกหมากโตสามารถแบ่งออกได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่อาการที่เกี่ยวกับการเก็บปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปวดปัสสาวะทันทีทันใด และปัสสาวะบ่อยในเวลากลางคืน ไปจนถึงอาการที่เกี่ยวกับการขับถ่ายปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะขัด ปัสสาวะสะดุด ปัสสาวะหยด ปัสสาวะเป็นเลือด

นายแพทย์อรรถวัฒน์ อังสุพันธุ์โกศล

หรือแม้กระทั่งไม่สามารถปัสสาวะได้เลย ซึ่งในบางราย อาการเหล่านี้อาจค่อย ๆ รุนแรงขึ้นและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือการทำงานของไตที่ลดลง

การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโต แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอาการ ตรวจร่างกาย และอาจใช้วิธีตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจปัสสาวะ การตรวจเลือดเพื่อวัดค่า PSA (Prostate-Specific Antigen) การตรวจคลื่นเสียงผ่านทางทวารหนัก (TRUS) หรือการตรวจวัดอัตราการไหลของปัสสาวะ (Uroflowmetry) รวมถึงการประเมินปริมาณปัสสาวะคงค้างในกระเพาะปัสสาวะหลังปัสสาวะเสร็จ เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

แนวทางการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ และผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มจากการสังเกตอาการและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก่อน หากอาการยังไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยลดการดื่มน้ำก่อนนอน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน รวมถึงจัดการความเครียดให้เหมาะสม เพราะพฤติกรรมเหล่านี้สามารถลดอาการปัสสาวะบ่อยหรือลำบากได้ในบางรายโดยไม่ต้องใช้ยา

กรณีที่อาการเริ่มส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต แพทย์จะพิจารณาการใช้ยาเพื่อควบคุมอาการ โดยยาที่ใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโตหลัก ๆ มีสองกลุ่ม ได้แก่

ยากลุ่มที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบท่อปัสสาวะ(2-blocker) ทำให้ปัสสาวะได้สะดวกขึ้น

ยากลุ่มที่ช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากลง (5-ARZ)

ทั้งสองกลุ่มนี้อาจใช้ร่วมกันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน ยามีประสิทธิภาพดีในหลายกรณี แต่อาจต้องใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และในบางรายอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ความดันโลหิตต่ำ อ่อนเพลีย หรือภาวะหลั่งน้ำอสุจิผิดปกติ

หากการรักษาด้วยยาไม่สามารถควบคุมอาการได้ หรือในกรณีที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่มากจนขัดขวางการขับปัสสาวะอย่างรุนแรง การผ่าตัดจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา ซึ่งการผ่าตัดที่ใช้บ่อยคือการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะเพื่อตัดชิ้นเนื้อของต่อมลูกหมากที่ไปกดทับท่อปัสสาวะออก ถึงแม้การผ่าตัดจะได้ผลดี แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องคำนึงถึง เช่น การดมยาสลบ ความเสี่ยงของการติดเชื้อ หรือภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด รวมถึงอาจมีผลกระทบต่อการหลั่งน้ำอสุจิหรือสมรรถภาพทางเพศในบางราย

ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์ จึงมีวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด เรียกว่า การรักษาด้วยเทคนิค PAE หรือ Prostatic Artery Embolization ซึ่งเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ โดยอาศัยเทคนิคทางรังสีร่วมรักษา แพทย์จะสอดสายสวนขนาดเล็กผ่านหลอดเลือดบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ แล้วฉีดสารอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงต่อมลูกหมาก ทำให้การไหลเวียนเลือดไปยังต่อมลูกหมากลดลง ส่งผลให้ต่อมลูกหมากค่อย ๆ หดตัวลงตั้งแต่ 1 – 3 เดือนหลังทำ และช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับการปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วง 5 – 6 เดือนหลังทำ

ข้อดีของการรักษาด้วยวิธี PAE คือผู้ป่วยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีแผลใหญ่ ฟื้นตัวเร็ว ผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศน้อย และสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว โดยผลลัพธ์ในการรักษาค่อนข้างน่าพึงพอใจ จากข้อมูลพบว่าผู้ป่วยราว 75 – 80% มีอาการดีขึ้น ปัสสาวะคล่องขึ้น ลดอาการปัสสาวะบ่อยและปวดขัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ภูมิธรรมร้องสอบมรรยาท“ทิวา”ด่าหยาบ–ขู่คุก 5,000 ปี ปมเขากระโดง

18 นาทีที่แล้ว

สมศักดิ์ ยันสอบ 'หมอสุภัทร' ปมจัดซื้อ ATK ตรวจโควิด ไม่เลือกปฏิบัติ

31 นาทีที่แล้ว

'หลวงพ่ออลงกต' ลาออก 'เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ' ยุติบทบาทพระนักพัฒนา

31 นาทีที่แล้ว

ดูบอลสด ทีมชาติไทย พบ เวียดนาม นัดชิงที่ 3 ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน

33 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่นๆ

ซิฟิลิส-หนองใน ระบาดเพิ่ม ปัจจัยเสี่ยงหลักไม่ใส่ถุงยาง เปลี่ยนคู่นอน

Amarin TV

ไขมันในเลือดสูง เลือกกินอาหารแบบไหน ? เทคนิคเพิ่มไขมันดี สุขภาพปัง!

PPTV HD 36

สมศักดิ์ ยันสอบ 'หมอสุภัทร' ปมจัดซื้อ ATK ตรวจโควิด ไม่เลือกปฏิบัติ

ฐานเศรษฐกิจ

ออทิสติกในผู้ใหญ่ วิธีสังเกตว่าเราอาจเป็น ความแตกต่างออทิสติกในเด็ก

Amarin TV

ฟินแลนด์สอนเด็กจับโป๊ะข่าวปลอมตั้งแต่อนุบาล หวังให้เด็กรู้เท่าทันสื่อ

TNN ช่อง16

ไม่แปรงฟันก่อนนอน อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ งานวิจัยเผย

TNN ช่อง16

Sleep Test ตัวช่วยหาความผิดปกติการนอนหลับ ป้องกันโรคเรื้อรัง

PPTV HD 36

ทางรอดคนเป็นเบาหวาน ! ผู้ป่วยเบาหวานผลิตอินซูลินได้เองอีกครั้งด้วยการตัดต่อพันธุกรรม

BT Beartai

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...