“บ้านปู เน็กซ์” ทุ่ม 1.43 พันล้านลุย BESS ในญี่ปุ่น 216 MWh
บริษัท บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการเป็นผู้ให้บริการ Net Zero Solutions ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ ดำเนินงาน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน (พลังงานหมุนเวียนและ BESS) บริการ Net Zero Solutions (โซลูชันการจัดการพลังงานครบวงจร, ระบบโซลาร์, ระบบจัดการพลังงาน, อี-โมบิลิตี้) และธุรกิจใหม่และการลงทุน (การผลิตแบตเตอรี่ และพันธมิตรในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานสะอาด) ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และไทย
ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2583 (ค.ศ. 2040) ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศที่ตั้งไว้ในปี 2608 โดยมีแผนระยะสั้นที่จะ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ6% ต่อปี เมื่อเทียบกับปีฐาน 2566 ซึ่งในปี 2568
ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) Net Zero Pathway รวมทั้งมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 ลง 30% ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกขอบเขตลง 50% ภายในปี 2578 (ค.ศ. 2035)
การขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ในปี 2568 บ้านปู เน็กซ์ ให้ความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.การปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอโดยเน้นการรักษาคุณภาพของสินทรัพย์
2.ประเมินการลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน BESS และซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อเป็นผู้ให้บริการแบตเตอรี่ที่ครอบคลุม (integrated battery player)
และ 3.ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และโอกาสในการสร้างรายได้ที่มั่นคง
ทั้งนี้ จากประเมินความต้องการใช้พลังานของโลกในช่วง 5 ปีนี้ ที่เพิ่มขึ้นปีละ 6% จะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงาน จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไม่ทัน และต้องสำรองไฟฟ้าให้มากกว่าความต้องการ 15% บ้านปู เน็กซ์ เห็นโอกาสตรงจุดนี้ ที่จะปรับพอร์ตธุรกิจก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นรายหลักในธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ (Battery Energy Storage System: BESS) ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้
นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน จากที่เคยมีแผนเพิ่มกำลัการผลิตจากพลังงานหมุนเวียน จะหันมาให้ความสำคัญกับสร้างการเติบโตของตลาด BESS ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น เนื่องจากเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตค่อนข้างมาก โดยในปี 2567 ตลาด BESS มีมูลค่าสูงถึง 54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อนหน้า ที่เป็นผลมาจากความต้องการไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น 4.3% จากการเติบโตของศูนย์ข้อมูล (Data Center) และเทคโนโลยี AI
บ้านปู เน็กซ์จึงเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างมหาศาลของตลาด BESS ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานสะอาดที่ครบวงจรและยั่งยืน อาศัยฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่มีการส่งเสริมอย่างชัดเจนในการบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593 (2050) รัฐบาลญี่ปุ่นจึงให้เงินสนับสนุนแก่ผู้พัฒนา BESS เพราะเป็นโครงการจ่ายไฟฟ้าที่มีความเสถียรและยืดหยุ่น เนื่องจากสามารถนำไฟฟ้าที่ผลิตได้จากส่วนเกินความต้องการทั้งจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนซึ่งมีราคาถูก ซื้อมาเก็บไว้ใน BESS และขายไฟฟ้าออกไปในราคาที่สูงช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าได้
สำหรับการขยายธุรกิจ BESS ในญี่ปุ่นนี้ บริษัทมีเป้หมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง( 1,000 เมกะวัตต์-ชั่วโมง: MWh ) ภายในปี 2573 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้มากกว่า 30,000 ตันต่อปี
ปัจจุบันบริษัทได้รับอนุมัติการลงทุน BESS จากรัฐบาลญี่ปุ่นที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตรวม 216 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการลงทุนราว 1,436 ล้นบาท จากมูลค่าเงินลงทุนรวม 2,637 ล้านบาท โดยได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) และรัฐบาลโตเกียว รวมประมาณ 886 ล้านบาท โดยทั้งหมดคาดว่าจะเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์(COD) ปี 2571
ประกอบด้วยโครงการทสึโนะ (Tsuno, Miyazaki Prefecture) ขนาด 104 เมกะวัตต์-ชั่วโมง เงินลงทุนรวม 1,300 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจาก METI ประมาณ 450 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินงานของ Banpu Japan ถือหุ้นในสัดส่วน 70% ผ่านผ่านกิจการร่วมค้า (JV) กับ Fuyo และ Global Engineering หรือคิดเป็นเงินลงทุนของบริษัทที่หักจากการอุดหนุนแล้วที่ 600 ล้านบาท
โครงการไอสึ (Aizu, Fukushima Prefecture) ขนาด 104 เมกะวัตต์-ชั่วโมง เงินลงทุนรวม 1,200 ล้านบาท ได้รับการอุดหนุนจาก METI ประมาณ 400 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินงานของ Banpu Japan ถือหุ้น 99.68% ส่วนที่เหลือถือโดยเจ้าของที่ดินในท้องถิ่น ซึ่งหลังหักเงินอุดหนุนจาก METI บริษัทจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ราว 800 ล้านบาท
โครงการคามิกุมิ-โตเกียว (Kamigumi-Tokyo) ขนาด 8 เมกะวัตต์-ชั่วโมง เงินลงทุนรวม 137 ล้านบาท ได้รับเงินสนับสนุจากรัฐบาลโตเกียวประมาณ 64 ล้านบาท โดยมี Banpu Japan ถือหุ้น 49% และ Kamigumi ถือหุ้น 51% หรือคิดเป็นเงินลงทุนของบริษัทหลังหักเงินอุดหนุนแล้วอยู่ที่ประมาณ 36 ล้านบาท
ในขณะที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุน BESS ไปแล้ว 1 โครงการ ได้แก่ โครงการโตโนะ (Tono, Iwate Prefecture) ขนาด 58 เมกะวัตต์-ชั่วโมง เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อมิถุนายน 2568 และเชื่อมต่อระบบสายส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเงินลงทุนรวม 900 ล้านบาท ได้รับเงินอุดหนุนจาก METI ประมาณ 300 ล้านบาท มี Banpu Japan ถือหุ้น 75% ผ่านกิจการร่วมค้า (JV) กับ Global Engineering หลังหักเงินอุดหนุนจาก METI แล้ว บริษัทใช้เงินลงทุนประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้สามารถจ่ายไฟฟ้าสู่ครัวเรือนได้ประมาณ 5,800 หลังต่อวัน ขึ้นลงตามการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
ทั้งนี้ บ้านปู เน็กซ์ มีแผนที่จะนำโมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จในโครงการที่ญี่ปุ่นไปต่อยอดใช้กับโครงการอื่น ๆ ในอนาคต ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังตอกยํ้าความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้บริการแบตเตอรี่แบบครบวงจร