โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘อ่าวปัตตานี’ ขุดลอกซ้ำซาก 90 ล้านทุกปี ขนตะกอนทิ้งทะเล จี้กรมเจ้าท่าทำครั้งเดียวจบ หวั่นน้ำท่วมหนัก-ประมงวิกฤติ

ไทยพับลิก้า

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สุกรี มะดากะกุล รายงาน

เรือประมงพื้นบ้าน อ่าวปัตตานี

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวติดตามสภาพปัญหาร่องน้ำปัตตานีตื้นเขิน ซึ่งปัญหานี้จังหวัดปัตตานีเคยมีโครงการขุดลอกมานานกว่า 30 ปีแล้ว ปัจจุบันยังคงเป็นปัญหาตะกอนสะสมในอ่าวปัตตานีในช่วงปากอ่าวออกสู่ทะเลนั้นตื้นเขิน ส่งผลให้เกิดภาวะภัยภิบัติน้ำท่วมซ้ำซากมานานหลายปี เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำไม่สามารถไหลออกสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ปากอ่าวปัตตานีที่ตื้นเขิน ก็ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของสัตว์น้ำ เรือประมง เรือขนถ่ายสินค้า มีปัญหาในการสัญจร กระทบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประมงปัตตานีไม่สามารถทำประมงได้ ที่ผ่านมาหน่วยงานหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามผลักดันได้งบประมาณมาจัดการขุดร่องเป็นรายปี โดยเฉพาะปี 2568 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ 90 ล้านบาทเพื่อดำเนินการขุดลอกแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินการขุดลอก

ขณะนี้เงินงบประมาณที่อนุมัติมา 90 ล้านยังไม่เดินหน้า ชาวประมงและผู้ประกอบการในรอบอ่าวปัตตานีเรียกร้องว่า ให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องตัดสินใจให้ชัด หากขุดลอกร่องน้ำแบบครึ่งๆ กลางๆ จะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณไปทุกปี ควรวางแผนขุดลอกทั้งหมด ทำทีเดียวให้จบ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันร่องน้ำตื้นเขินขึ้นเรื่อยๆ เรือใหญ่เข้าไม่ได้ บางครั้งแม้แต่เรือเล็กก็ยังสัญจรไม่ได้ บางช่วงระดับน้ำสูงแค่ -1.50 เมตร นอกจากนี้ ยังมีทรายเข้ามาปิดอ่าวปัตตานีเรื่อยๆ ทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยน กระทบต่อสัตว์หน้าดินบริเวณพื้นที่อ่าวปัตตานีโดยตรง ปัญหานี้ซ้ำซากมานานหลายปี ชาวบ้านประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำปัตตานีมีความกังวลอย่างมากกับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง เพราะเกรงว่าจะต้องประสบกับภาวะอุทกภัยน้ำท่วมหนักอีกหรือไม่

ตลาดปลาปัตตานี
ตลาดปลาปัตตานี

นางอันน์เกตุ ลีลาไพบูลย์ นายกสมาคมประมงปัตตานี เปิดเผยว่า ปัญหาร่องน้ำและอ่าวปัตตานีที่ตื้นเขิน เคยขุดลอกร่องน้ำเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ปัจจุบันตะกอนดินสะสมทับถมจนตื้นเขิน แม้ในช่วงที่ผ่านมากรมเจ้าท่าจะจัดงบประมาณในการขุดลอกร่องน้ำปีละ 90 ล้านบาท ก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่สามารถขุดลอกร่องน้ำที่มีปัญหาทั้งหมด เมื่อร่องน้ำในอ่าวปัตตานีตื้นเขิน จึงเป็นปัญหาต่อเนื่องและเชื่อมโยงกับการทำมาหากินของประชาชนในอ่าวปัตตานีโดยตรง เพราะร่องน้ำที่ควรจะเป็นเส้นทางสัญจรหลักให้กับเรือประมง ทั้งเรือพื้นประมงบ้านและเรือประมงพาณิชย์ทำธุรกิจประมงได้ ตอนนี้ตื้นเขินจนแทบจะไม่สามารถสัญจรได้สะดวก ทำให้เรือหลายลำติดขัด ขึ้นลงไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากินของชาวประมงแทบทุกกลุ่ม

“สมาคมประมงปัตตานีไม่ได้นิ่งเฉย ปีนี้งบมา 90 ล้านบาท ได้ดำเนินการเร่งรัดเรื่องนี้ไปยังทางกรมเจ้าท่ามานานแล้ว ผ่านทั้ง ศอ.บต. เจ้าท่าจังหวัดปัตตานี รวมถึงข้าราชการผู้ใหญ่ในส่วนกลาง หลังจากที่อธิบดีกรมเจ้าท่าได้เคยมอบหมายให้รองอธิบดีลงมาคุยกับสมาคมโดยตรง เกี่ยวกับเงื่อนไขประมูลการขุดลอกร่องน้ำที่ตื้นและการนำตะกอนดินที่ขุดแล้วขึ้นฝั่งไปทิ้ง ที่ผ่านมาเงื่อนไขการประมูลเดิม บริษัทที่ประมูลได้ขนตะกอนดินที่ขุดแล้วออกจากอ่าวปัตตานีไปทิ้งลงทะเล ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญมาก เพราะชาวประมงไม่ต้องการให้การขุดลอกร่องน้ำแล้วมีการทิ้งดินลงทะเล เนื่องจากเป็นการซ้ำเติมระบบนิเวศ เพราะเมื่อถึงหน้ามรสุมเดือน 11-12 ตะกอนดินก็พัดมาปิดปากอ่าวปัตตานี้อีก ปากอ่าวก็กลับมาตื้นเขินเหมือนเดิม ก็ต้องขุดลอกกันทุกปี ปีนี้เวลาผ่านมาแล้วกว่าสี่เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะรอแก้เงื่อนไขการประมูล ประเด็นการทิ้งตะกอนดิน ต้องขนขึ้นมาทิ้งบนฝั่ง ตอนนี้ทุกอย่างยังเงียบอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ความเดือดร้อนของชาวประมงกลับหนักขึ้นทุกวัน

นางอันน์เกตุ ลีลาไพบูลย์ นายกสมาคมประมงปัตตานี

นางอันน์เกตุกล่าวต่อว่า “ตอนนี้สมาคมประมงจำเป็นต้องเร่งทำหนังสือส่งไปยังกกรมเจ้าท่าอีกครั้ง เพื่อขอความชัดเจนและเร่งรัดให้ดำเนินการโดยด่วนที่สุด เพราะเรารู้ดีว่าชาวประมงทั้งฝั่งพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ได้รับผลกระทบเต็มๆ การออกหาปลาก็ลำบากเพราะร่องน้ำตื้นเขินเรือสัญจรไม่ได้ สัตว์น้ำจากทะเลก็เข้ามาในอ่าวไม่ได้ ต้นทุนเพิ่ม รายได้ลด และกระทบทั้งห่วงโซ่อาชีพประมงในพื้นที่กว่า 50 อาชีพ ถ้าปีนี้งบประมาณจบไปโดยไม่มีการขุดลอกร่องน้ำ ปีหน้าก็มีความเสี่ยงสูงที่ปัตตานีจะถูกตัดออกจากโครงการไปเลย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นปัญหาจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า ไม่ใช่แค่ความเดือดร้อนของชาวประมงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจของจังหวัดและภาพรวมอาชีพประมงทั้งอ่าวปัตตานีด้วย”

นางอันน์เกตตุกล่าวต่อว่า ตะกอนดินที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ งบประมาณปีละ 90 ล้านบาทไม่เพียงพอที่จุดขุดลอกร่องน้ำทั้งหมด และจากการหารือกับทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) เพื่อดำเนินการขุดลอกทั้งหมดตั้งแต่หลักกิโลเมตรบวกสองจนถึงสุดปากอ่าวปัตตานี หากจะทำให้ร่องน้ำปัตตานีมีศักยภาพในการประมงและเดินเรือได้จริง ต้องขุดลึกไม่น้อยกว่า 7 เมตร เพื่อรองรับเรือใหญ่เข้า–ออก ขนถ่ายสินค้าและทำประมงได้สะดวก ได้เสนอของบประมาณ 315 ล้านบาทไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสอดรับกับงานวิจัยเรื่องนี้ของ… ว่าจะต้องใช้เงินงบประมาณเกือบ 400 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการพูดคุยกับประชาชนและผู้ประกอบการรอบๆ แม่น้ำปัตตานี มีความสงสัยว่าทำไมโครงการนี้ถึงยังล่าช้าและโครงการยังไม่ดำเนินขุดลอกทั้งที่ได้งบประมาณมาแล้ว คนในพื้นที่บอกเล่าว่า ที่ผ่านมาบริษัทที่รับเหมาขุดลอกร่องน้ำ เมื่อขุดแล้วแทนที่จะเอาทรายหรือตะกอนขนขึ้นฝั่งเพื่อนำไปทิ้ง แต่กลับทิ้งลงทะเล สุดท้ายมันก็กลายเป็นทรายรวมตื้นเขินเหมือนเดิม และหากมองว่าถ้าปีนี้น้ำท่วมหนักอีกต้องมาฟื้นฟูเศรษฐกิจอีก จึงขอฝากให้หลายๆ ฝ่ายช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

ด้านนายกฤษณ์พสุ เจริญ กรรมการสภาอุตสาหกรรม จ.ปัตตานี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพิ่งกระทบแต่กระทบสืบเนื่องมาเป็น 10 ปีแล้ว ภาคเอกชนเรานำเสนอปัญหาความตื้นเขินอ่าวปัตตานี ในหลายๆ โอกาสให้กับผู้ใหญ่ รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ที่เกี่ยวข้องว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบหนักมาตลอด

“ครั้งนี้พวกเราเลยต้องเรียกร้องกันอีกครั้ง อ่าวปัตตานีคือเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจปัตตานี มันกระทบกับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคนปัตตานีอีกเยอะมาก เพราะเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการทำมาหากิน การสัญจรของเรือประมงใหญ่จากต่างประเทศ มาค้าขายปลาในท่าน้ำปัตตานีทำไม่ได้ อาชีพประมงเป็นอาชีพเป็นหลักของเรามันไม่เดิน กระทบโรงงานอุตสาหกรรม สะพานปลา ท่าเทียบเรือ เรือที่เข้ามาเกิดภาวะใบพัดหัก เขาอยากมาขายปลาที่เรา ก็เข้าไม่ได้ ต้องซ่อมใบพัด เป็นต้นทุนเพิ่มอีกหลายหมื่น หรือเรือต้องจอดนานๆ ก็ไม่กล้าเข้ามาในอ่าว พอเรือไม่เข้าก็เกิดการจ้างงานน้อยมากและลดลงเรื่อยๆ”

พร้อมย้ำว่า “อยากจะบอกว่าการแก้ปัญหาการสัญจรทางน้ำ ใช้งบประมาณไม่เกิน 400 ล้านเท่านั้น ใช้เวลาไม่เกินครึ่งปี สามารถแก้ปัญหาได้ทันที ธุรกิจจะกลับมาทั้งการทำประมง การขนถ่ายของเรือสินค้าต่างๆ รวมทั้งการท่องเที่ยวและที่สำคัญที่สุดคือการลดอุทกภัยในช่วงปลายปี ดังนั้น เงินงบประมาณที่นำมาขุดลอกร่องน้ำตรงนี้ คุ้มค่ามากกว่าการจ่ายเงินค่าชดเชยเยียวยาภายหลังจากภาวะน้ำท่วมอุทกภัยต่างๆ ซึ่งอาจจะแตะระดับร้อยล้านจนถึงพันล้าน ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นผลกระทบชัดเจนจาก 2 จังหวัดทั้งปัตตานีและยะลามาแล้ว

…….

“ไทยพับลิก้า” สำรวจงบประมาณพบว่าทุกๆ ปี “กรมเจ้าท่า” ภายใต้กระทรวงคมนาคม จะดำเนินโครงการ “ขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเล” หรือ Sand Bypassing โดยเฉพาะบริเวณอ่าวปัตตานี โดยอ้างเหตุผลเรื่องการแก้ปัญหาตะกอนทรายที่เข้ามาปิดร่องน้ำ และการเดินเรือ

จากฐานข้อมูลระบบการใช้จ่ายภาครัฐ (Thailand Government Spending) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558-2568 พบว่า ปีงบประมาณ 2560 เป็นปีแรกที่กรมเจ้าท่าเริ่มดำเนินโครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเล Sand Bypassing ที่ร่องน้ำปัตตานี วงเงิน 80.5 ล้านบาท ต่อมาปีงบประมาณ 2561 ไม่พบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง แต่หลังจากปีงบประมาณ 2562 เป็นต้นมา โครงการดังกล่าวได้ดำเนินมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ

วงเงินต่ำสุดคือ 35.45 ล้านบาทที่ร่องน้ำตันหยงเปาว์ในปีงบประมาณ 2567 ส่วนวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 90.04 ล้านบาทที่ร่องน้ำปัตตานีในปีงบประมาณ 2568 ขณะที่วงเงินโครงการอยู่ที่ราว 60-90 ล้านบาท และทุกโครงการใช้วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)

ทั้งนี้ อ่าวปัตตานีครอบคลุม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปัตตานี (พื้นที่บางส่วน) อำเภอหนองจิกและอำเภอยะหริ่ง

ข้อสังเกตคือเอกชนผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างล้วนเป็นเจ้าเดิมวนเวียนไปมา คือ (1) บริษัท เว็ลธ์ เวิร์คคิง มารีน จำกัด (2) บริษัท ส.บรรทัดไทย จำกัด และ (3) บริษัท เอ็มเอส101 จำกัด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยพับลิก้า

จากไร่แครนเบอร์รีสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ การถอยทัพของเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ

1 วันที่แล้ว

ครม.นัดพิเศษตั้ง ‘ภูมิธรรม’ ทำหน้าที่นายกฯ “หมอมิ้ง” นั่งเลขาฯต่อ – สั่งชะลอนโยบายที่มีผลผูกพันรัฐบาลใหม่

2 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...