ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 300 จุด หุ้น IBM ร่วงฉุดดัชนี, S&P500-แนสแดคนิวไฮ รับแรงบวกหุ้น Alphabet
ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 300 จุด หุ้น IBM ร่วงฉุดดัชนี, S&P500-แนสแดคนิวไฮ รับแรงบวกหุ้น Alphabet
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -25 ก.ค. 68 6:43: น.
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทั้งแดนบวกและแดนลบในวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ ปิดลดลงกว่า 300 จุด เนื่องจากหุ้น IBM ร่วงฉุดดัชนี ขณะที่ดัชนี S&P 500และดัชนีแนสแดคยังปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Alphabet บริษัทแม่ของ Googleและหนุนหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลดลง 316.38จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 44,693.91 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 4.44จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 6,363.35 จุด และดัชนีแนสแดค ปิดเพิ่มขึ้น 37.94จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 21,057.96 จุด
หุ้น Alphabet บวก 1% หลังบริษัทเผยผลประกอบการ ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นว่า จะมีการลงทุนมหาศาลในการแข่งขันเพื่อครองความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ขณะที่หุ้น Microsoft เพิ่มขึ้น 0.99% ด้าน Nvidia และ Amazon ต่างบวก 1.73%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังซึมซับปัจจัยบวกจากการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น รวมถึงสัญญาณความคืบหน้าล่าสุดในการเจรจากับสหภาพยุโรป
แซม สโตวอลล์ (Sam Stovall) หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research เผยว่า นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้า เศรษฐกิจ แนวโน้มเงินเฟ้อ รวมถึงรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ออกมาดีกว่าคาด
หุ้น Tesla ร่วงลง 8.2% หลังอีลอน มัสก์ ซีอีโอ เตือนถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงไตรมาสข้างหน้า เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ลดการอุดหนุนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยในปีนี้ หุ้นของ Tesla ลดลงไปแล้วประมาณ 25%
หุ้น UnitedHealth บริษัทประกันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 4.8% หลังเปิดเผยว่า กำลังให้ความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรมในการสอบสวนเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในโครงการ Medicare โดยมีรายงานการสอบสวนทั้งทางคดีอาญาและคดีแพ่ง
หุ้น IBM ดิ่งเกือบ 8% หลังนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการไตรมาสสอง เนื่องจากยอดขายในส่วนธุรกิจซอฟต์แวร์หลักของบริษัทไม่เป็นไปตามที่คาด โดยธุรกิจซอฟต์แวร์ของ IBM ซึ่งปกติแล้วเป็นจุดแข็ง ทำยอดขายอยู่ที่ 7,390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 7,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เล็กน้อย ตามข้อมูลของ LSEG และเป็นปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์
ขณะที่หุ้น Honeywell ลดลง 6.2% แม้จะทำผลงานได้ดีกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้และมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ประจำปีก็ตาม
หุ้น American Airlines ร่วงลงเกือบ 10% หลังสายการบินคาดว่า บริษัทจะขาดทุนหนักในไตรมาสสาม โดยได้รับผลกระทบจากความต้องการเดินทางภายในประเทศที่ซบเซา เนื่องจากสงครามการค้าได้สร้างความไม่แน่นอนอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมการบินนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณใน S&P 500 ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งลดลง 1.23% ตามด้วยกลุ่มวัสดุ ลดลง 0.75% โดยปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีค่อนข้างมาก โดยมีวอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ 19,900 ล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 17,800 ล้านหุ้นในช่วง 20 วันทำการที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาการเยือนอาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากวิพากษ์วิจารณ์เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด มานานหลายเดือนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
เครื่องมือ FedWatch ของ CME คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยเทรดเดอร์ให้น้ำหนัก 60% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อคืนที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงเหลือ 217,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ และสะท้อนว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ในเดือนก.ค. ยังคงได้รับแรงหนุน อย่างไรก็ดี บริษัทต่างๆ ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ ซึ่งทำให้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น
ที่มา Reuters และ Yahoo Finance
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ