'นวัตกรรมวิศวะจุฬาฯ' ลดนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์-ราคาที่จับต้องได้
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนานวัตกรรมที่มุ่งตอบโจทย์สังคมไทยอย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน แต่ยังช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้า และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการสุขภาพในราคาที่จับต้องได้
รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในโอกาสครบรอบ 112 ปี ว่าคณะวิศวกรรมศาสตร์พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมไทยและสังคมโลก และขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง นวัตกรรมหลายชิ้นได้รับการสนับสนุนจาก CU Engineering Enterprise ซึ่งเป็นกลไกส่งเสริมสตาร์ตอัปของคณะทำให้สามารถนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปสู่การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์และสร้างธุรกิจ สร้างอุตสาหกรรมในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมทำให้นวัตกรรมเหล่านี้เข้าถึงประชาชนได้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
112 ปี วิศวะจุฬาฯ! ปั้นคนเก่ง สร้าง Ecosystem มีทักษะตรงใจอุตสาหกรรม
วิศวะ จุฬาฯ ผนึก กฟผ. ถอดบทเรียนไฟดับยุโรป เร่งวางแผนรับมือพลังงานสะอาด
นวัตกรรมโปรตีนไฟโบรอินจากรังไหม
ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์“SilkLife” นวัตกรรมโปรตีนไฟโบรอินจากรังไหมไทย ผลงานเด่นด้านวิศวกรรมชีวเวชของ Engine Life บริษัทสปินออฟของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดแสดง ณ Thailand Pavilion ในมหกรรม WORLD EXPO 2025 OSAKA ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13 เม.ย. ถึง 13 ต.ค. 2568 โชว์ศักยภาพการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตมนุษย์ในอนาคต โดยประเทศไทยนำเสนอผ่านแนวคิด “Immunity” หรือ “ภูมิคุ้มกัน” และใช้สโลแกน “Thailand Connecting Lives for Greatest Happiness” เน้นนำเสนอศักยภาพด้านสุขภาพ นวัตกรรมการแพทย์ ภูมิปัญญาไทย และวัฒนธรรมอันโดดเด่นของไทยสู่เวทีโลก
“โปรตีนไฟโบรอินจากรังไหมไทยสามารถนำมาพัฒนาเป็นวัสดุทางการแพทย์ได้หลากหลาย ทั้งในรูปแบบของไฮโดรเจลนำส่งยา แผ่นปิดแผลที่มีคุณสมบัติดูดซับของเหลวและปลดปล่อยยาฆ่าเชื้อ ตลอดจนวัสดุทดแทนกระดูกและเนื้อเยื่อ ซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทย และยังสร้างทางเลือกใหม่ให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"
สร้างอีโคซิสเต็มครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไหมโดยเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ด้วยมาตรฐานความสะอาดในโรงเรือนเก็บรังไหม ไปจนถึงกระบวนการแปรรูปที่พร้อมสำหรับใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งมีศักยภาพสูงในการนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เครื่องสำอาง ยา และการรักษาโรค จุดเด่นของนวัตกรรมนี้คือการ ห่วงโซ่มูลค่า (value chain) ของรังไหม ซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตรที่หากไม่แปรรูปอาจมีมูลค่าไม่สูงนัก ให้กลายเป็นสารที่มีมูลค่าสูงสำหรับการใช้งานในร่างกาย
เท้าเทียมก้าวใหม่ของคนพิการไทย
ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ หนึ่งในตัวอย่างที่ถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แล้วคือ แผ่นแปะหลังหูที่ค่อยๆ ปล่อยสาร CBD ออกมาเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับได้ดีขึ้นอนาคตทางการแพทย์ นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำสารสังเคราะห์โปรตีนจากรังไหมไปใช้ในการ ปลดปล่อยยาต่างๆ เช่น อินซูลิน เพื่อรักษาผู้ป่วยเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานขึ้น
เช่นเดียวกับ นวัตกรรมเท้าเทียมเป็นผลงานวิจัยที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคนไทย โดยนวัตกรรมเท้าเทียม ไดนามิกส์เอสเพส “sPace” ผลิตโดยบริษัท มุทา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ขึ้นทะเบียนสถานประกอบผลิตและจดแจ้งผลิตภัณฑ์กับทาง อย.
เหมาะสมกับสรีระและการเคลื่อนไหว ออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระและรูปแบบการเดิน/วิ่งของคนไทย ซึ่งแตกต่างจากเท้าเทียมของชาวต่างชาติที่มีขนาดใหญ่กว่าและอาจทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก หรือเป็นเพียงเท้าแข็งที่เดินได้เท่านั้น แต่ได้รับการบรรจุใน สปสช. แล้ว ทำให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และยังได้ ไปจัดแสดงที่งาน World Expo ณ โอซาก้า อีกด้วย
"การออกแบบให้เหมาะกับสรีระและการเดินของคนไทย ช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ดีกว่าเดิมทั้งการเดินและการวิ่ง ไม่ใช่แค่เพียงการเดินได้เหมือนเท้าเทียมแข็งทั่วไปทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงได้เท้าเทียมไดนามิกส์ว่ามีคุณสมบัติและสมรรถนะเท่าเทียมกับที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่ต้นทุนการผลิตถูกกว่าการนำเข้าถึง 5 เท่าทำให้สามารถลดการนำเข้าสินค้าอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ทางด้านกายอุปกรณ์ซึ่งมีราคาสูงมากได้"
นอกจากนี้ การนำมาผลิตในเชิงพาณิชย์ในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ยังสามารถขยายการผลิตไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการเพิ่มรายได้ สร้างโอกาสการส่งออกและสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
กะโหลกไทเทเนียมไทยสู่มาตรฐานโลก
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมทางการแพทย์ “แผ่นปิดกะโหลกไทเทเนียม” เมติคูลี่ (Meticuly)บริษัทสตาร์ตอัปจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับรองจาก U.S. FDA และเป็นที่ยอมรับในโรงพยาบาลชั้นนำของสหรัฐ ด้วยวัสดุ ไทเทเนียมช่วยให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกแปลกปลอมในร่างกายและป้องกันการติดเชื้อ แผ่นปิดกะโหลกไทเทเนียมของเมติคูลี่มีอัตรา การติดเชื้อต่ำ เพียง 0.6%
Meticuly ยังให้บริการออกแบบกระบวนการผ่าตัดร่วมกับแพทย์ โดยใช้ CT Scan ของคนไข้มาสร้างเป็นแบบ 3 มิติ เพื่อออกแบบวิธีการผ่าตัดและผลิตอุปกรณ์นำทาง (Cutting Guide และ Drilling Guide) ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละราย เทคโนโลยี AI ยังช่วยลดเวลาในการออกแบบจาก 5 วัน เหลือเพียง 5 นาที ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต
"เป็นนวัตกรรมไทย ที่สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการเครื่องมือแพทย์ ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะบุคคล อัตราการติดเชื้อที่ต่ำมากในการได้รับอนุมัติให้ใช้ใน“สิทธิบัตรทอง”แล้วช่วยให้คนไทยเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการสุขภาพในราคาที่จับต้องได้ลดการนำเข้าจากต่างประเทศคนไทยได้ใช้ของดีในราคาที่เข้าถึงได้"
AI เพื่อสุขภาพจิต Demand D-Mind
ในยุคที่ปัญหาสุขภาพจิตทวีความรุนแรง วิศวะจุฬาฯ ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ พัฒนานวัตกรรม AI ที่ชื่อว่า “Demand D-Mind”ตรวจจับผู้ป่วยความเสี่ยงสูง นวัตกรรมนี้ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการปรึกษาพูดคุยในแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” เพื่อ ตรวจจับกรณีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงด้านสุขภาพจิตได้อย่างรวดเร็วช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เมื่อตรวจพบเคสที่มีความเสี่ยงสูง ระบบจะส่งสัญญาณเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าไปให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที นวัตกรรมนี้ได้ช่วยดูแลกรณีศึกษาไปแล้ว เกือบ 400,000 เคส และสามารถเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะวิกฤติได้ กว่า 10,000 คน ในประเทศไทย
"นวัตกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างงานวิจัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมและสังคมได้อย่างยั่งยืน การที่นวัตกรรมหลายชิ้นได้รับการสนับสนุนจาก CU Engineering Enterprise ซึ่งเป็นกลไกส่งเสริมสตาร์ตอัปของคณะเอง ทำให้สามารถนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปสู่การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์และสร้างธุรกิจ สร้างอุตสาหกรรมในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม การร่วมมือกับภาคีต่างๆ ทั้งคณะแพทย์ ภาคอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐ เช่น สปสช. และกรมวิทยาศาสตร์บริการ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นวัตกรรมเหล่านี้เข้าถึงประชาชนได้จริง" คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬากล่าว