โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

วังวน ‘กัญชา’ เสรี - ผูกขาด - การแพทย์ จังหวะเวลาคืนยาเสพติด

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เทียบเคียงตามกฎหมายปัจจุบัน “กัญชา” จัดเป็น “สารเสพติด” ไม่ใช่ “ยาเสพติด” อยู่ในสถานะเดียวกับ “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” และบุหรี่

ต่างกันตรงที่การมีกฎหมายเฉพาะมาควบคุม โดยน้ำเมา มีพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และบุหรี่ มีพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 ขณะที่ กัญชานั้น ถูกถอนร่างพ.ร.บ.กัญชากัญชง ออกจากวาระพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ด้วยว่า “แนวทางควบคุมยังไม่ชัดเจน” จนผ่านมา 3 ปีหลังปลดล็อกจากยาเสพติด ก็ยังไร้พ.ร.บ.
ที่ผ่านมา การควบคุม “กัญชา” จึงใช้กลไกของประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ “ช่อดอกกัญชา” เป็นสมุนไพรควบคุม ฉบับแรกสมัยนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรมว.สาธารณสุข กำหนด ห้ามขายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และหญิงตั้งครรภ์,ห้ามสูบ ณ จุดขาย และห้ามจำหน่ายในสถานที่ที่กำหนด เป็นต้น

แต่การใช้เพียง ประกาศ”สมุนไพรควบคุม” ดูจะเอาไม่อยู่ แม้กฎหมายห้าม กลายเป็นการฝ่าฝืนเกิดขึ้นอย่างมากมาย ทั้งการจำหน่ายให้คนไทยและนักท่องเที่ยวแล้วปล่อยให้ “สูบที่ร้านขาย” สร้างความเดือดร้อน รำคาญต่อผู้คนในสังคมอย่างมาก

รวมถึง มีงานวิจัย พบว่า การใช้กัญชาเพิ่มขึ้น โดยคนไทย 1 ใน 4 มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ และเพื่อสันทนาการมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น อายุ 18-19 ปี มีการสูบกัญชาเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า จาก 0.9 % ในปี 2562 เป็น 9.7% ในปี 2565

เรียกได้ว่า “ใช้กัญชากันอย่างเสรี” ไม่สนใจ “ปฏิบัติตามกฎหมาย” ขณะเดียวกัน การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ก็ “ไม่เข้มแข็ง” เพราะควบคุมระดับ “สมุนไพรควบคุม”นั้น ใช้เพียงเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ส่งผลให้ภาคส่วนอื่น เช่น ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จะไม่ได้เข้ามามีบทบาทมากนัก

ปิดฉากยุคสูบกัญชาเสรี

เข้ามาสู่ยุค “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นรมว.สาธารณสุข ผู้ปลดล็อกกระท่อมจากบัญชียาเสพติดสมัยเป็นรมว.ยุติธรรม ด้วยการออก “พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ.2565 ” ยุคร่วมสมัยเดียวกับการ “ปลดล็อกกัญชา
ประกาศ “ช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม” เกิดขึ้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.2568 จุดต่างจากเดิมที่สำคัญ คือ “ต้องขายให้ผู้ที่มีใบสั่งจ่ายจากวิชาชีพที่กำหนดเท่านั้น”
ตามมาด้วยสเต็ปที่ 2 ออกประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เกี่ยวกับ “แบบฟอร์มการสั่งจ่าย ช่อดอกกัญชา”
และอยู่ระหว่างการดำเนินการสเต็ปที่ 3 ออก “กฎกระทรวงการอนุญาตให้ศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …”.ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้จำหน่าย แปรรูป ช่อดอกกัญชา

หรือจะเข้าสู่กัญชาผูกขาด?

ทว่า การดำเนินการดังกล่าว “ประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย” มองว่า เป็นจุดเริ่มต้นและหลังจากกัญชาสู่ยาเสพติดจะก่อให้เกิดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “การผูกขาด” โดยวิธีการผูกขาดที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดคือ ผูกขาดโดยกฎหมาย จะต้องทำให้เกิดเงื่อนไข 2 ประการ คือ

1.ทำให้มีผู้ผลิตน้อยรายเพื่อควบคุมผลผลิต

2.การเปิดตลาดให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับผลผลิต

ประสิทธิ์ชัย ระบุว่า โดยการสร้างกลไกให้เกิด เงื่อนไขที่ 1 สร้างมาตรการจริงเพื่อผูกขาดการปลูก เมื่อสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นกับประชาชนสำเร็จ ก็มีความชอบธรรมที่จะบอกกับสังคมว่าจะเอาสิ่งนี้ไปขังคุกเพื่อความปลอดภัย

กัญชาที่ขายในประเทศไทยจะออกจากฟาร์มกัญชาของบรรษัทเพียงไม่กี่บรรษัท สามารถซื้อหาได้ตามร้านขายยาทั่วไป(เหมือนยาเสพติดตั้งต้นหลายตัวก็ซื้อกันในร้านขายยา) และดอกกัญชาทั้งหมดที่ขายจะต้องมาจากฟาร์มของบรรษัทที่ผูกขาดไว้แล้วเท่านั้นเพราะกฎหมายกำหนดว่าดอกที่จำหน่ายจะต้องผ่านมาตรฐาน

เมื่อพิจารณาประกาศกระทรวง เนื้อหาส่วนใหญ่ คือ ควบคุมการปลูกให้คนกลุ่มเดียวที่มีเงินพอ นับว่าสมศักดิ์เทพสุทิน สำเร็จในเงื่อนไขที่1

เงื่อนไขที่2 ต้องสร้างมาตรการควบคุม ‘แบบปลอม’ เพื่อเปิดตลาดสินค้ากัญชา เมื่อสร้างกัญชาให้น่ากลัวขึ้นมาแล้ว จะเปิดตลาดกัญชาให้กว้างได้ โดยวิธีการ สร้างมาตรการปลอมขึ้นมา วิธีการที่สังคมไทยเชื่อความปลอม ก็คือต้องยกผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาเป็นผู้กำกับแล้วสังคมไทยจะเชื่อว่ามันถูกต้อง

การดำเนินการในขณะนี้ คือ ทำลายมาตรการปกป้องบุคคลที่ควรปกป้องทิ้งไป เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี แล้วเปิดมาตรการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงกัญชาได้แค่เพียงมีใบอนุญาตของผู้ประกอบวิชาชีพ 7 ประเภท ซึ่งตอนนี้โฆษณาขายใบกันเต็มโลกออนไลน์

“หากนำกัญชาเข้าสู่ยาเสพติดสำเร็จ ทุกคนในประเทศนี้จะเข้าถึงกัญชาได้โดยไม่ปกป้องบุคคลที่ควรปกป้อง และกัญชาที่อยู่ในระบบตลาดทั้งหมด คือ กัญชาของบรรษัทใหญ่เท่านั้น นี่คือภาพที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”ประสิทธิ์ชัยระบุ

การใช้วิธีการนี้ ประสิทธิ์ชัย ระบุว่า สำเร็จมาแล้วกับธุรกิจเบียร์ โดยเบียร์ของบรรษัทเท่านั้นที่ปลอดภัย เบียร์ของประชาชนสะอาดอย่างไรก็สกปรก มาสู่กัญชาที่ปลูกโดยบรรษัทเท่านั้นจึงจะมาตรฐาน กัญชาของประชาชนล้วนอันตรายไร้มาตรฐาน
ในวันที่ 7 ก.ค.2568 เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จะเดินทางมาชุมนุมที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และจะปักหลักพักค้าง เพื่อเรียกร้องให้มีการออก “พ.ร.บ.กัญชา”

กัญชาทางการแพทย์ ใช้ถูกต้อง-มีประโยชน์

เมื่อถึงวันที่ “กัญชาคืนยาเสพติด”แล้วทำไม ต้องเปิดช่องให้ใช้ “กัญชาทางการแพทย์” นั่นเป็นเพราะ กัญชา โดยเฉพาะที่ช่อดอกกัญชา จะมีสารสำคัญที่เรียกว่า “ซีบีดี(CBD)” และ “ทีเอชซี(THC)” สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ หากมีการใช้ในทางที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ ตำรับยาแผนไทย มีอยู่ไม่น้อยที่มีการนำกัญชามาเป็นส่วนผสม ยกตัวอย่างที่มีการบรรจุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรแล้ว อาทิ ยาทำลายพระสุเมรุ ยาน้ำมันกัญชาจากกัญชาทั้ง 5 ส่วน ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มีCBDสูง ยาน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี CBD และTHCสัดส่วนเท่ากัน ยาศุขไสยาสน์ และยาน้ำมันกัญชาจากช่อดอก เป็นต้น
ขณะที่การแพทย์แผนปัจจุบัน ตามคำแนะนำการใช้กัญชา ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 6 (2567) ออกโดยกรมการแพทย์ ระบุว่า โรคและภาวะที่ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แล้ว “ได้ประโยชน์” เนื่องจากมีหลักฐานทางวิชาการที่มีคุณภาพสนับสนุนชัดเจน แต่ทั้งหมดต้องใช้ภายใต้การพิจารณาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มี 6 โรค/ภาวะ ได้แก่

  • ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด
  • โรคลมชักที่รักษายากและโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา
  • ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง และภาวะปวดประสาทส่วนกลาง
  • ภาวะปวดประสาทส่วนกลาง
  • ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ที่มีน้ำหนักตัวน้อย
  • และการเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง

แงะไทม์ไลน์ กัญชาคืนยาเสพติด

แม้จะเป็นนโยบายชัดเจนของพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่สมัย “เศรษฐา ทวีสิน”เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาจนถึง “แพทองธาร ชินวัตร” ที่จะนำ “กัญชาคืนยาเสพติด” แต่ที่ผ่านมาอาจจะ “ติดโรคเกรงใจ” เพราะมีพรรคภูมิใจไทย(ภท)แกนหลักในการปลดล็อกกัญชา อยู่ร่วมรัฐบาลด้วย

จนเมื่อภท.ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วม รัฐบาลก็มีการขยับโดยเริ่มจากสธ.ออกประกาศช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมฉบับที่ 2 ต่อมาด้วยสเต็ปต่างๆ และวาดหวังปลายทางที่ “กัญชาคืนยาเสพติด”

ทำได้โดยรมว.สาธารณสุข นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(บอร์ดป.ป.ส.) หากเห็นชอบก็ส่งกลับมาให้ รมว.สาธารณสุข ลงนามในประกาศสธ. เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5
ทว่า ที่ผ่านมา ถามกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง “นายสมศักดิ์” ก็ยังไม่มีคำตอบว่า “เมื่อไหร่ที่จะนำกัญชาคืนยาเสพติด”
หากพิจารณาจาก “จังหวะ” และ “การเตรียมพร้อม” ไม่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 แต่ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นใน “รัฐบาลชุดนี้” หากสามารถอยู่ครบเทอมอีก 2 ปี

“จังหวะ”ที่ว่าคือ ช่วงปลายปีนี้ ร้านขายกัญชาที่ได้รับอนุญาตกว่า 18,000 แห่งทั่วประเทศ จะมีราว 12,000 แห่งที่ใบอนุญาตจะหมดอายุ และหากจะต่อใบอนุญาตใหม่ ก็ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดและกำลังจะออกมา นั่นคือ ต้องเป็นสถานพยาบาล ร้านขายยา ร้านขายสมุนไพร ร้านหมอพื้นบ้าน และต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพที่กำหนดอยู่ประจำร้าน
ส่วน “การเตรียมพร้อม” จุดสำคัญ คือ “สกัดการฟ้องร้องรัฐจากภาคเอกชนที่ลงทุนในธุรกิจไปแล้วไม่น้อย” ซึ่งหากกำหนดเพียงให้เป็นสมุนไพรควบคุมอย่างปัจจุบันนั้น ก็จะส่งผลหลักต่อ “ร้านขาย”ที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งนายสมศักดิ์ ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก “เตรียมการ”รองรับเรื่องนี้ไว้แล้ว

"ขอเติมว่า เวลามาต่อใบอนุญาต หรือขอใบอนุญาตใหม่ ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงจากสมุนไพรควบคุม ไปเป็นยาเสพติด ก็ต้องทำให้เรียบร้อย ว่าจะไม่มีปัญหา ไม่ฟ้องร้องเอาความ ให้กรมเติมเรื่องนี้ไปในแบบฟอร์มอนุญาต เป็นคำมั่นสัญญา ”นายสมศักดิ์กล่าวระหว่างการพบผู้ประกอบการที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ

แต่หาก “กัญชาคืนยาเสพติด” เท่ากับทุกส่วนของกัญชา ไม่ว่าจะเป็นราก กิ่ง ก้าน ใบ ช่อดอกและสารสกัดจะเป็นยาเสพติดด้วย ก็จะส่งผลไปสู่ “ผู้ประกอบการ”ที่นำกัญชามาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆด้วย เช่น เครื่องสำอาง อาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร จะกระจายผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐกว้างมากขึ้น

ส่วนนี้ “รัฐจะรับมืออย่างไร” หรือจะกำหนดให้ “ผลิตภัณฑ์สุขภาพตามกฎหมายที่อย.กำกับ เท่ากับเป็นการใช้กัญชาทางการแพทย์”หรือไม่
ท่ามกลาง “การเมืองผันผวน” ต้องรอดูว่า “วังวนกัญชา” ท้ายที่สุดจะถูกควบคุมการใช้ โดย “พ.ร.บ.ควบคุมกัญชา” ที่มีการยกร่างแล้วหลายฉบับ รวมถึง ฉบับของกระทรวงสาธารณสุข หรือ “คืนกัญชาเป็นยาเสพติด”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

เบสเซนต์ขู่ภาษีศุลกากรจะกลับไปสูง หากไม่มีข้อตกลงภายใน 1 ส.ค.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หนี้ครัวเรือน กับ ดอกเบี้ยนโยบาย ในมุมมอง ‘รุ่ง มัลลิกะมาส’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภัยมิจฉาชีพออนไลน์พุ่ง! เฉลี่ยคนไทยถูกหลอกวันละกว่า 3,000 เคส

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เครือสหพัฒน์ ปั้นแบรนด์ ORA PET CARE ชิงสินค้าสัตว์เลี้ยง 7.5 หมื่นล้าน

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

ใส่คอนแทคเลนส์ผิดวิธี เสี่ยง ‘แผลที่กระจกตา’ ถึงขั้นตาบอดถาวร

ฐานเศรษฐกิจ

สัญญาณเตือน “โรคไต” อาการเริ่มต้น กลุ่มเสี่ยง วิธีรักษา

ฐานเศรษฐกิจ

แหล่งอาหารช่วยทำให้หลับได้ง่ายขึ้น แก้ก่อนเรื้อรังกระทบต่อสุขภาพ

PPTV HD 36

งานวิจัยเผย สีผสมอาหารส่งผลเด็กสมาธิสั้น- โรคมะเร็ง โดยเฉพาะสีแดง

TNN ช่อง16

เตือนภัย! "ของเล่นแถมเข็มฉีดยา" อันตรายหากเด็กใช้ในทางที่ผิด

TNN ช่อง16

สธ. มั่นใจไทยรักษา HIV มีประสิทธิภาพสูง คนติด 5 แสน อยู่ในระบบรักษาถึง 4 แสน

TNN ช่อง16

“สภาเภสัชกรรม” ชวนคนไทยดูแลสุขภาพ ตระหนักรู้เรื่องยา-โภชนาการ

ฐานเศรษฐกิจ

“ตาแดง” ระบาด แค่ฝนสาดเข้าตาก็เสี่ยงติดเชื้อไวรัส–แบคทีเรียได้

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...