คนไทยป่วย "โรคมะเร็ง" ใช้สิทธิรักษา ฟรี! ได้ทั้ง 3 ระบบใหญ่ เช็กเลยที่นี่
เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง สิ่งที่หลายคนกังวลรองลงมาจากความกลัวไม่ได้อยู่กับคนที่รัก ก็คงจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็ง เพราะหลายคนทราบดีว่า มะเร็งเป็นโรคเรื้อรัง ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา และค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นในขณะที่โรคดำเนินไป
แต่อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะจริงๆ แล้วคนไทยได้รับการคุ้มครองสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐบาล ซึ่งสิทธิที่ว่าครอบคลุมอะไรบ้างและมีเงื่อนไขอย่างไรบ้างในการใช้สิทธินี้
สิทธิการรักษาพยาบาล มี 3 ระบบใหญ่ ได้แก่
1.สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่รู้จักกันในนาม “สิทธิ 30 บาท” หรือ “สิทธิบัตรทอง” คุ้มครองบริการรักษาพยาบาลให้กับคนไทยทุกคนที่มีหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ซึ่งไม่เป็นผู้ที่มีสิทธิประกันสังคมและสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ เมื่อเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลได้ที่โรงพยาบาลของรัฐ และสถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ และมีการยกระดับบัตรทอง ด้วยนโยบาย Cancer Anywhere มะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อม
2.สิทธิประกันสังคม คุ้มครองบริการรักษาพยาบาลให้กับเจ้าของสิทธิ (ผู้ประกันตน) สามารถเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่เลือกลงทะเบียนไว้
3.สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของราชการ คุ้มครองบริการรักษาพยาบาลให้กับข้าราชการและบุคคลในครอบครัว ได้แก่ บิดา มารดา คู่สมรส และบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลได้ที่โรงพยาบาลของรัฐ
นอกเหนือจาก 3 สิทธินี้ยังมีประกันสุขภาพภาคเอกชน (ประกันชีวิต) มีให้เลือกทำอีกมากมาย
เรามาดูกันว่าทั้ง 3 สิทธิการรักษาพื้นฐานเหล่านี้ ครอบคลุมอะไรบ้าง และมีเงื่อนไขอย่างไรในการใช้สิทธิ
1.สิทธิบัตรทอง
หรือสิทธิ 30 บาท (30 บาทรักษาทุกโรค) มีชื่อเต็มๆ ว่า สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
คนไทยทุกคนมีสิทธิบัตรทอง เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งแต่ไม่มีประกันสุขภาพ สิทธิประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของราชการ สามารถตรวจสอบสิทธิบัตรทองได้
ยกระดับสิทธิบัตรทอง ใกล้ที่ไหนรักษาได้ที่นั่น สามารถเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ตามนโยบาย “Cancer Anywhere มะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อม ช่วยลดการรอตรวจ รอรักษา ลดขั้นตอนให้ง่ายขึ้น เพื่อให้รับการรักษามะเร็งได้เร็วขึ้น
อยากรู้ว่าเรามีสิทธิบัตรทองหรือไม่ เช็กที่นี่
-ช่องทางที่ 1 : ติดต่อด้วยตนเอง ได้ที่สำนักงานเขต กทม. (19 เขต) / สปสช. เขตพื้นที่ 1-13 / โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล / โรงพยาบาลของรัฐ
-ช่องทางที่ 2 : โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 2 ตามด้วยหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และเครื่องหมาย # (สำหรับคนชอบโทรศัพท์ ช่องทางนี้สะดวกมาก)
-ช่องทางที่ 3 : Application “สปสช.” สามารถดาวน์โหลดฟรี ได้ทั้งระบบ Andriod และ IOS (สแกน QR Code เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น)
(เมื่อลงทะเบียนติดตั้งแอปพลิเคชั่นเรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปใช้งานฟังก์ชั่น ตรวจสอบสิทธิ์ตนเอง และตรวจสอบสิทธิ์คนในครอบครัวได้ทันที)
-ช่องทางที่ 4 : LINE Official Account สปสช. – แอดเป็นเพื่อนง่าย ๆ พิมพ์ค้นหา Line ID @nhso
(ใช้งานง่าย ๆ เพียงเลือกฟังก์ชั่น “ตรวจสอบสิทธิ” และกรอกข้อมูล ก็สามารถตรวจสอบสิทธิได้แล้ว)
-ช่องทางที่ 5 : ผ่านทางเว็บไซต์ สปสช. www.nhso.go.th
(เข้าเมนูประชาชน เลือกหัวข้อ “ตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” หรือคลิกลิงก์นี้ https://eservices.nhso.go.th/eServices/
3 ขั้นตอนควรรู้ ! ก่อนไปใช้สิทธิบัตรทอง
1.ตรวจสอบสิทธิ : การตรวจสอบสิทธิเป็นขั้นแรกของผู้ใช้สิทธิควรทราบว่าหน่วยบริการปฐมภูมิ/หน่วยบริการประจำ ในการรักษาพยาบาลของตนเองอยู่ที่ใด โดยสามารถทำการตรวจสอบสิทธิ โทร 1330 กด 2 ตามด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก (ระบบอัตโนมัติ) หรือ กด 0 ติดต่อเจ้าหน้าที่ 1330 (ตลอด 24 ชม.)
2.แสดงบัตรประชาชน/สูติบัตร ก่อนใช้สิทธิทุกครั้ง : ปัจจุบันการเข้ารับบริการที่หน่วยบริการตามสิทธิหลักประกันสุขภาพ (สิทธิบัตรทอง) ใช้ “บัตรประชาชน” เพียงใบเดียวเพื่อแสดงตนก่อนการใช้สิทธิ (กรณี เป็นเด็กเล็กใช้สูติบัตรแทน)
3.ไปรับบริการที่ “หน่วยบริการปฐมภูมิ” ก่อนทุกครั้ง : ในปัจจุบันผู้รับบริการจะต้องเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิก่อน หากมีการวินิจฉัยให้มีการส่งตัวไปรักษาในหน่วยบริการส่งต่อ ทางหน่วยบริการปฐมภูมิจะออกใบส่งตัวเพื่อให้มารักษาตามลำดับ
หน่วยบริการปฐมภูมิ คืออะไร
2.สิทธิประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคม ให้ความคุ้มครองผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 สามารถใช้สิทธิประกันสังคมรักษามะเร็งได้ตามข้อกำหนดของโรงพยาบาลตามสิทธิผู้ประกันตน ได้แก่
1. ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ได้แก่ พนักงานประจำ ลูกจ้าง (มนุษย์เงินเดือน) ที่มีอายุมากกว่า 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
2. ผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ได้แก่ ผู้ประกันตนโดยสมัครใจที่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมหลังผันตัวออกมาจากอาชีพเดิมแต่ยังต้องการสิทธิประโยชน์ของประกันสังคมไว้
สำหรับผู้ที่มีสิทธิประกันสังคม และตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง 20 ชนิด โดยจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น
โดยสถานพยาบาลที่เลือกไว้จะให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนจนสิ้นสุดการรักษา โดยไม่จำกัดวงเงินค่าใช้จ่ายและจำนวนครั้งในการรักษา และจะไม่เรียกเก็บเงินจากผู้ประกันตน
ยกเว้นมีค่าใช้จ่ายในการบริการด้านอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือสิทธิประกันสังคม เช่น การใช้ยาที่อยู่นอกบัญชียาหลัก ที่จะทำให้สิทธิการรักษามะเร็งขั้นพื้นฐานไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายยาในส่วนนี้
อยากรู้ว่าเรามีสิทธิประกันสังคมไหม?
ตรวจสอบสิทธิประกันสังคมได้ที่ https://www.sso.go.th/wpr/main/login
สิทธิประกันสังคม รักษามะเร็งอะไรได้บ้าง
รักษาโรคมะเร็งได้ถึง 20 ชนิด จะต้องให้การรักษาตามแนวทางที่กำหนด (Protocol) และให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามอัตราที่กำหนดไว้ในแนวทางการรักษาโรคมะเร็ง และอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลแนบท้ายประกาศตามเอกสารนี้
1.โรคมะเร็งเต้านม
2.โรคมะเร็งปากมดลูก
3.โรคมะเร็งรังไข่
4.โรคมะเร็งมดลูก
5.โรคมะเร็งโพรงหลังจมูก
6.โรคมะเร็งปอด
7.โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และลำไส้ใหญ่ตรง
8.โรคมะเร็งตับ และท่อน้ำดี
9.โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
10.โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
11.โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
12.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบลิมฟอยด์ในผู้ใหญ่
13.โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในผู้ใหญ่
14.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิดมัยอีลอยด์ในผู้ใหญ่
15.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันในผู้ใหญ่แบบ Acute Promyelocytic leukemia (APL)
16.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดมัยอีลอยด์ในผู้ใหญ่
17.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมัยอีโลมาในผู้ใหญ่
18.โรคมะเร็งกระดูกชนิด Osteosarcoma ในผู้ใหญ่
19.โรคมะเร็งเด็ก
20.โรคมะเร็งหลอดอาหาร
กรณีการรักษาโรคมะเร็ง 20 ชนิดนี้ ที่ไม่สามารถรักษาตามแนวทางที่กำหนด (Protocol) และมีความจำเป็นที่ต้องให้การรักษาด้วยยารักษาโรคมะเร็ง และ/หรือเคมีบำบัด และ/หรือรังสีรักษา ให้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายต่อปี
กรณีการรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นนอกเหนือจากโรคมะเร็ง 20 ชนิดนี้ ที่มีความจำเป็นต้องให้การรักษาด้วยยารักษาโรคมะเร็ง และ/หรือเคมีบำบัด และ/หรือรังสีรักษา ให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายต่อปี
ทั้งนี้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 สามารถตรวจสุขภาพประจำปีฟรี ในสถานพยาบาลตามสิทธิที่ของผู้ประกันหรือสถานพยาบาลที่เข้าร่วมกับสำนักงานประกันสังคมที่ใดก็ได้ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน เป็นอีกหนึ่งการดูแลสุขภาพที่ช่วยให้รู้เท่าทันโรค
3.สิทธิข้าราชการ
สำหรับท่านไหนที่เป็นข้าราชการ เมื่อต้องการใช้สิทธิ มีขั้นตอน ดังนี้
1.ตรวจสอบสถานพยาบาล : ผู้ป่วยต้องไปตรวจสอบสถานพยาบาลก่อน รวมถึงโรคที่จะรักษาและประมาณการส่วนร่วมจ่ายก่อน โดยสามารถตรวจสอบได้ที่หัวข้อ รักษาพยาบาล ในเว็บไซต์กรมบัญชีกลาง
2.ติดต่อสถานพยาบาลที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ โดยสถานพยาบาลจะสรุปรายการส่วนเกินที่ต้องชำระ หรือส่วนที่เบิกกรมบัญชีกลางไม่ได้ ทั้งนี้หากผู้ป่วยตกลงเข้ารับการรักษา จะต้องลงนามในหนังสือเพื่อยืนยัน แต่ถ้าหากไม่ประสงค์ที่จะเข้ารับการรักษา ก็สามารถปฏิเสธได้ด้วยเช่นกัน
3.กรณีมีส่วนเกินที่ต้องชำระเอง กรณีมีรายการส่วนเกินที่ต้องชำระ เมื่อออกจากสถานพยาบาล สถานพยาบาลนั้นจะเรียกเก็บส่วนเกินจากผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยไม่สามารถนำใบเสร็จรับเงินมาเบิกจากทางราชการได้ ส่วนที่เบิกได้นั้นสถานพยาบาลจะวางเบิกจากกรมบัญชีกลางโดยตรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สิทธิประกันสังคมรักษามะเร็ง ครอบคลุม 21 ชนิด ฟรีตามสิทธิ
- สู้กับมะเร็งต้องใช้เงินกี่บาท สิทธิรัฐช่วยแค่ไหน และเอกชนคิดเท่าไร
- ญี่ปุ่นค้นพบ “ยาแก้ปวด” ตัวใหม่ ไม่ทำให้เสพติด ลดอาการปวดรุนแรง
- นักวิทย์เกาหลีใต้ ทดลองเปลี่ยนเซลล์มะเร็ง กลับเป็นเซลล์ปกติสำเร็จ
- มะเร็งเต้านม ผู้ชายก็เป็นได้ แม้โอกาสเจอน้อยกว่าผู้หญิง